
………ในท่ามกลางความมืดมิดที่มาจากการไฟดับนั้น มันจะสามารถสู้กับความมืดมิดของหลุมฝังศพได้หรือไม่ แล้วถ้าตอนนี้เราเกิดตายไปโดยที่ไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย เราจะดำรงอยู่ในหลุมฝังศพในสถานะไหน จะอยู่ท่ามกลางความมืดกี่ร้อยพันเท่าของความมืดจากไฟดับนี้ ความมืดมิดในวันนี้เรายังสามารถได้ยินเสียงชลมุนของทุกคนในบ้าน แต่ความมืดมิดของหลุมฝังศพสิ จะได้ยินเสียงใครบ้างมั้ย มันคงเป็นบรรยากาศที่น่ากลัวกว่าไฟดับในวันนี้เป็นหลายร้อยพันเท่าซิน่ะ
........นอกจากตัวดิฉันเองแล้ว ดิฉันคิดว่ายังมีประชาชาติอิสลามอีกหลายต่อหลายคนที่ยังไม่เตรียมพร้อมเพื่อไปสู่ความตาย ณ.วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับโลกดุนยามากกว่าการตระเตรียมเสบียงเพื่อไปสู่โลกอาคีรัต บางคนวันๆ คิดได้แค่ว่า คืนนี้ละครอะไรน่ะ เมื่อไหร่พระเอกกับนางเอกจะคืนดีกันน่ะ ตอนนี้มีแฟชั่นอะไรใหม่ๆ หั้ยอัปเดตกันบ้างน่ะ และอีกฯลฯ เฮ้อ..
จากข้อความหนึ่งที่ดิฉันได้อ่านเจอ มันเป็นประโยชน์ต่อดิฉันมาก และคิดว่า มันก้อน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านหลายคนเหมือนกัน ซึ่งได้เขียนว่า <<<ท่านรอซุ้ล ได้กล่าวไว้ว่า “ผู้ที่นึกถึงความตายมากที่สุดในหมู่พวกเขา และมีการเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับเหตุการณ์หลังความตาย อย่างดีที่สุด บุคคลนั้นคือผู้ที่มีสติปัญญามากที่สุด”>>>
.......ค่ะ..ดิฉันไม่รู้ว่าน่ะค่ะว่า บทความนี้จะให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้อ่านบ้าง แต่สิ่งที่ดิฉันได้จากบทความนี้นั่นก้อคือ ทุกคนควรรำลึกถึงการตายอยู่เสมอ เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าความตายจะมาเยือนเราเมื่อไหร่ และเมื่อเราตายไปจะมีครัยรู้บ้างว่า ชีวิตในหลุมฝังศพจะเป็นยังงัย จะพอมีแสงสว่างจากดวงไฟดวงไหนบ้าง ดังนั้นเมื่อเราคิดได้แบบนี้แล้ว ก้อจงรีบตักตวงความดีเพื่อเป็นเสบียงสู่โลกอาคีรัต รีบทำตั้งแต่วินาทีนี้เลยน่ะค่ะ ก่อนที่คุณจะไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่จะทำ จงจำเสมอว่า “ทำดีไม่มีเดี๋ยว”
วัสลาม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มีอะไรจะติชม เชิญค่ะ