รอมฎอนจากไปแล้ว


รอมฎอนปีนี้ ได้จากไปแล้ว
ฉันวอนขอต่ออัลลอฮฺ
ให้พระองค์ทรงตอบรับงานของฉัน
.......................
.......................
รอมฎอนปีนี้ได้จากไปแล้ว
แต่อัลลอฮฺทรงคงอยู่
พระองค์ทรงอยู่กับเราทุกเดือน
.......................
.......................
สิ่งที่ฉันไม่อยากหั้ยเกิด ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
กรุอานเริ่มมีฝุ่นจับ มัสยิดเริ่มหงอยเหงา
บรรยากาศทำดีเริ่มจางหาย
.......................
.......................
ต้องให้ผ่านรอมฎอนอีกกี่ปี
ประชาชาติของเราจะตระหนัก
อัลกรุอาน-ถือศิลอด-ทำความดี
มิได้จำกัดแค่เดือนรอมฎอน
.......................
.......................
หรือฉันต้องรอคอยรอมฎอนปีหน้า
เพื่อให้ช่วงเวลาแห่งการทำดี
กลับมาหาพวกเราอีก..
........................
........................

See you next month

อัสลามมูอาลัยกูม..ท่านผู้อ่านทุกคน


ช่วงนี้เว็ปบล็อกอาจจะดูไม่ค่อยกระพรืด(ภาษาตัวเอง) ไม่ค่อยอัพเดตซักเท่าไหร่ ก้อขอมาอัฟผู้อ่าน(ที่ตั้งใจจะมาอ่านบทความของเรา)ด้วยน่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงรอมฎอนด้วย จึงส่งผลหั้ยเว็ปนี้ไม่ค่อยอัพเดต บทความใหม่ๆ ก้อไม่มีให้อ่าน ก้อมาอัฟรอบสองน่ะค่ะ
และท่านผู้อ่านจะว่าอะไรมั้ย..หากดิฉันจะขอมาอัฟรอบสาม แฮะ แฮะ
เพราะดิฉันคิดว่า..ว่า..ว่า..เว็ปบล็อกนี้อาจจะเหี่ยวเฉาอย่างนี้ไปจนถึงเดือนหน้าเลยมั้ง ด้วยเหตุที่ว่าต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำภารกิจที่สำคัญมากสำหรับมุสลิมและมุสลีม๊ะ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงรอมฎอนนี้ กลับมาอีกทีก้อคงเป็นเดือนหน้า อินชาอัลลอฮฺ..หากอัลลอฮฺทรงประสงค์หั้ยดิฉันอยู่จนถึงวันนั้น..อินชาอัลลอฮฺ

และสุดท้าย..ดิฉันก้ออยากฝากอะไรเล็กๆ และน้อยๆ
ก้อคือว่า..ช่วงนี้ก้อเป็นช่วงรอมฎอน ช่วงแห่งการทำความดี สะสมผลบุญเพื่อเป็นเสบียงไปสู่โลกหน้า ก้อเหลือไม่กี่วันแล้วที่รอมฎอนจะจากไป อยากถามว่า"ใช้ช่วงเวลาแห่งเดือนอันประเสริฐนี้คุ้มแล้วยัง" อ่ะ อ่ะ ตอบในใจน่ะค่ะ วันเสาร์นี้ก้อเป็นช่วงเอิ๊ยติก๊าฟแล้ว จัดโปรแกรมไปเอิ๊ยติก๊าฟที่ไหนแล้วยัง ถ้ายังไม่คิดก้อคิดได้แล้วน่ะ อย่ารอให้เป็นผู้ใหญ่ก่อนถึงจะทำความดี คิดหรือว่าจะมีอายุจนถึงวันนั้น!!

"ปีหน้าเดือนรอมฎอนต้องหวนมาหาเราอีกแน่ แต่เราซิจะอยู่ถึงเดือนรอมฎอนปีหน้ามั้ย.."
ก้อฝากไว้ด้วยน่ะค่ะ
...ด้วยสลามและดุอาห์..






การที่เราได้อยู่กับคนที่รักคือความสุข(จริงหรือ)


เคยได้ยินใครบางคนเคยพูดว่า “การที่ได้อยู่กับคนที่เรารักคือความสุข”
หากคุณคิดว่าประโยคนี้คือความจริง งั้นเรามาพิสูจน์ด้วยกันน่ะค่ะ
แล้วคุณจะพบกับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับความรักที่เราเข้าใจผิดมาตลอด..........

เรามักบอกกันเสมอว่า...เรารักอัลลอฮฺ
แต่การละหมาด..ซึ่งหมายถึง การได้เข้าเฝ้าพระองค์ ได้อยู่กับพระองค์
ทำให้เราเรามีความสุขได้มากแค่ไหนกันน่ะ?

เรามักบอกกันเสมอว่า...เรารักนบี
แต่การดำเนินชีวิตตามวิถีของท่าน..ซึ่งหมายถึงการรับประกันความเป็นไปได้ว่าเรามีสิทธ์จะได้อยู่กับท่าน
ทำให้เรามีความสุขได้มากแค่ไหนล่ะ?

เรามักบอกกันเสมอว่า...เรารักอิสลาม

แต่การใช้ชีวิตอย่างสนิทสนมกับหลักการอิสลาม..ซึ่งหมายถึงอนาคตของชาวสวรรค์แห่งสวนสวรรค์
ทำให้เรามีความสุขได้มากแค่ไหนกัน?

ลองเช็คความสุขของเราดูในวันนี้
บางที...เราอาจจะตกใจกับความจริงแห่งความรัก
ที่เราคิดตลอดว่าเรามีความสุขกับมัน!!!


วัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺวะบารอก่าตุฮฺ *_*


ขอบคุณสำหรับส่วนหนึ่งของเนื้อหา:"วารสารโรตีมะตะบะ"

จิตใจแข้งกระด้าง!!!


อัสลามมูอาลัยกูม...ท่านพี่น้องร่วมอุดมการณ์ทั้งหลาย *_*
สำหรับวันนี้เราจะมาว่ากันถึงเรื่อง “จิตใจหยาบกระด้าง” หลายคนอาจจะเกิดเครื่องหมาย???? ในใจแล้วซิค่ะ ว่า “จิตใจหยาบกระด้าง” เนี๊ย มีอาการเป็นอย่างไร แล้วแตกต่างกับหัวใจกำเริบหรือไม่ แล้วจะมีผลต่อร่างกายขนาดไหน (ผู้อ่านเริ่มซีเรียส แล้วอ่ะดิ) คุ คุ
...งั้นดิฉันคง(ไม่กล้า)รอช้าแล้ว จะขอบอกถึงอาการของผู้ที่มีอาการ “จิตใจหยาบกระด้าง” โดยทันทีทันใดเลยน่ะค่ะ (ผู้เขียนก้อเริ่มซีเรียสแล้วเช่นกัน) คิ คิ

**อาการของผู้ที่มีภาวะจิตใจหยาบกระด้าง**
- ไม่สามารถยอมรับคำแนะนำที่ดีของผู้อื่นได้
- แต่เมื่อได้รับคำแนะนำแล้ว จะรีบโต้แย้งทันที
- เมื่อต้องอ่านอัลกรุอาน ซิกิร หรือทำความดี จะรู้สึกลำบากใจ
- เมื่อถึงเวลาละหมาด จะรู้สึกอึดอัด และรู้สึกว่าสิ่งนั้นคือภาระ
- แต่หากละหมาดแล้ว ร่างกายเท่านั้นที่จะละหมาด ส่วนจิตใจจะไม่นิ่งอยู่กับที่ จิตใจจะเรียกร้องเพื่อสนองตัณหาของอารมณ์
- จะปฏิบัติตามนัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ) แม้จะเหนื่อยยากเพียงไร ก็สามารถทำได้
- มีภาวะจิตใจกระเสือกกระสน ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในความสงบได้
...และจากอาการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากยังมีอีกหลายต่อหลายอาการที่ส่อไปถึงภาวะจิตใจหยาบกระด้าง ถ้ามีโอกาสคราวหน้าจะนำมาบอกต่ออีกน่ะค่ะ...อินชาอัลลอฮฺ

อืม..ต่อมาเราก็จะพูดถึงสาเหตุต่อน่ะค่ะ สำหรับสาเหตุนั้น ก็ไม่ได้ไกลตัวเราเลย เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน มันคืออะไรอ่อ??? (คราวนี้เห็นจะซีเรียสทั้งผู้อ่านและผู้เขียนแล้วอ่ะดิ) คุคิ คิคุ
ค่ะ...สำหรับสาเหตุที่ทำให้หัวใจแข็งกระด้างนั้น หลักๆ นั้นก็คือ การพูดมาก พูดในเรื่องที่ไร้สาระ และไม่เกี่ยวข้องกับการระลึกถึงอัลลอฮฺเลย ซึ่งภาพที่เราเห็น ณ. ปัจจุบัน คนเราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ พูดคุยกันในเรื่องไร้สาระ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนที่พูดในสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการศาสนาอีกด้วย
เห็นแล้วใช่มั้ยค่ะว่า เพียงแค่เราปล่อยลิ้นให้ทำงานอย่างอิสระนั้น มันก็สามารถนำไปสู่ภาวะจิตใจหยาบกระด้างได้อย่างงายดายเลยทีเดียว ดังนั้นเราควรหยุดคิดซักเล็กน้อย เราก้อสามารถควบคุมและหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไร้สาระได้น่ะค่ะ....อินชาอัลลอฮฺ

วัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮิวะบารอก่าตุฮฺ*_*
ขอบคุณแหล่งที่มาบางส่วนของเนื้อหา "หนังสือ 40 หะดิซ ยารักษาจิตใจ"

ต้นทุนที่ได้มาฟรีๆๆ

อัลลอฮฺสร้างดวงตา.......เพื่อคุณจะได้ชมแฟชั่นรับซัมเมอร์หรือ
พระองค์สร้างจมูก.......เพื่อคุณจะได้หายใจทิ้งไปวันๆหรือ
พระองค์สร้างหู.......เพื่อคุณจะได้ทอดอารมณ์กับเพลงโปรดจากMP3หรือ
พระองค์สร้างปาก.......เพื่อคุณจะได้แซว จิกกัดชาวบ้านหรือ
พระองค์สร้างนิ้วมือ.......เพื่อคุณจะได้พิมพ์ข้อความเล่นเอ็มเรื่อยเปื่อยหรือ
พระองค์สร้างขา.......เพื่อคุณจะได้เดินช้อปปิ้งทั้งวันหรือ
พระองค์สร้างแผ่นหลัง.......เพื่อคุณจะนอนกินบ้านกินเมืองหรือ
พระองค์ประทานเวลาว่างมา.......เพื่อให้คุณไว้ทำสิ่งไร้สาระหรือ
พระองค์สร้างคุณมา...เพื่อการนี้จริงๆหรือ
แท้จริงพระองค์ทรงประทานต้นทุนแห่งชีวิตให้แก่มนุษย์
ต้นทุนที่เรามักไม่เห็นคุณค่า และคิดว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่เราจะบริหารต้นทุนนี้อย่างไรก็ได้
หากเรามองด้วยสติ เราจะพบว่าเมื่อต้นทุนที่ถูกประทานให้
ไม่ถูกใช้ไปเพื่อประโยชน์แก่ตัวเองและประชาชาติอย่างที่ควรจะเป็น
อาจจะมีสักวันที่พระองค์จะทรงรับมันกลับ
วันนั้นเราจะทำอย่างไร...ลองคิดดู !!!!

**หมายเหตุ...บทความดังกล่าวเป็นบทความที่ถูกก๊อปปี้มาอีกทีน่ะค่ะ บังเอิณไปอ่านเจอบทความดังกล่าว รู้สึกกระแทกใจเอามั่กม้ากกกกก (เว่อร์ละ) จึงอยากเผยแพร่หั้ยท่านผู้อ่านได้รับรู้ถึงความรู้สึกกระแทกใจเช่นเดียวกับดิฉัน..อย่างใจสุดซึ้งยิ่ง *_*(พูดรายเนี๊ย..งงงงงง)
ก้อขอบอกกล่าวเพียงเท่านี้ล่ะค่ะ
วัสลาม..ด้วยใจสุดซึ้งจิงๆ (น่ะฮ้า) คุ คุ

“อัล-อัซกัร”...สิ่งดีดีที่เราอยากหั้ยคุณ


คุณรู้จักสิ่งนี้มั้ย???????? สิ่งที่อยู่ในรูปอ่ะ
ค่ะ..ยังอาจมีหลายคนที่ตอบว่า “ไม่รู้จัก มันคืออะไรอ่อ” งั้นดิฉันจะหั้ยนิยามตามที่หัวสมองของดิฉันสั่งการน่ะค่ะ สำหรับดิฉันแล้วมันคือตัวยาชนิดหนึ่ง ซึ่งสรรพคุณของมันดีกว่ายาที่ขายตามร้านขายยาทั่วไปเสียอีก บอกไปก้อสร้างความฉงนงุนงงให้กับผู้อ่านเปล่าๆ งั้นเพื่อความกระจ่างแจ้งดิฉันจะอธิบายในรูปแบบของงานวิจัยละกันน่ะค่ะ อ่ะ...เริ่มเลยน่ะ
ชื่อวิทยาศาสตร์ ...อัลอัซกัร อัลนาบาวียะฮฺ
ชื่อสามัญ.....บทซิกิรเช้าเย็น
สรรพคุณ
- ช่วยป้องกันโรครีสกีถูกตัดทอน
- ช่วยบำรุงร่างกายที่อ่อนแอหั้ยแข็งแกร่งขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการหัวใจแข็งกระด้าง
- รักษาอาการเสียสติ..ทำได้จริงๆน่ะ
- ยังเป็นกำแพงช่วยปกป้องการรบกวนจากเหล่าญินและชัยฏอน
- ปกป้องอันตรายและภัยภิบัติต่างๆ
- หลุดพ้นจากความกังวลและหนี้สินต่างๆ
- ช่วยหั้ยยความประสงค์ของเราบรรลุผลสำเร็จ
- และที่สำคัญยาตัวนี้เป็นตัวยาที่หั้ยทั้งเนียฺมัตและชาฟาอัต(ความช่วยเหลือ) ซึ่งไม่สามารถหาได้จากยาตัวอื่นได้แล้ว
ป.ล ...นี่เป็นสรรพคุณเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งถ้าหากเราวิจัยเพิ่มขึ้น ก้อจะยิ่งค้นพบสรรพคุณได้มากกว่านี้ ซึ่งดิฉันอยากหั้ยทุกคนได้ลองเอง แล้วคุณจะรู้ว่าถึงสรรพคุณของมันอย่างหาที่สุดไม่ได้
หมายเหตุ...นี่เป็นทฤษฎีส่วนบุคคลน่ะค่ะ อาจมีผิดบ้างถูกบ้าง ห้ามนำไปทำการอ้างอิงเชิงวิชาการเด็ดขาด คิ คิ

วิธีใช้........อ่า....หลายคนอาจจะสงสัยว่า ขึ้นชื่อว่า “ยา” แล้วมันต้องทานยังงัยต้องทาในส่วนไหนล่ะ หยุด.....ด ช้าก่อนค่ะท่าน อันที่จริงแล้ว ยาตัวนี้ไม่ต้องถึงกับต้องรับประทานทุกครั้งหลังอาหารหรือก่อนอาหารเหมือนยาทั่วๆไป แต่วิธีการใช้ของมันคือ “อ่าน” แค่อ่านไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพียงคุณอ่านเฉพาะเวลาเช้าและเวลาเย็นเท่านั้น สำหรับช่วงเช้าก้อหลังละหมาดซุบฮี และช่วงบ่ายก้อหลังละหมาดอัซรี ง่ายๆ อ่านทุกวัน ดีทุกวัน ขอบอกกกกกกก
ข้อแนะนำ....ควรอ่านทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการอ่านอัลกรุอานและดุอาประจำวัน เพื่อผลที่ดียิ่งขึ้น
สุดท้าย...อยากหั้ยทุกคนได้ใช้กัน เพราะมันจะเป็นเสบียงและคู่มือที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต เพื่อการค้นหาความปลอดภัยและความสำเร็จจากอัลลอฮฺ
ท้ายสุด....บทความนี้อาจจะดูแปลกตาหน่อยน่ะค่ะ หวังว่าผู้อ่านคงเข้าใจสภาวะจิตใจและสมองของดิฉันในตอนนี้น่ะค่ะ บอกตามตรงน่ะค่ะว่าช่วงนี้รู้สึกว่าสมองมันจะตืดๆๆๆๆๆหน่อย คงเรียนอังกฤษมากไปหน่อย เหอๆๆๆๆ ทำให้การใช้ภาษาและการเรียงประโยคไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร (พูดราย........ของมันเนี๊ย)
งั้นแค่นี้น่ะค่ะวัส... อ้อ….เดี๋ยว!!! เกือบลืม จะบอกว่า..สำหรับคนที่ไม่สามารถหาซื้อยาตัวนี้หรือ “อัลอัซกัร” เนี๊ย ก้อสามารถทิ้งที่อยู่ไว้ แล้ว..อินชาอัลลอฮฺ ดิฉันจะ(ลอง)ส่งไปหั้ยถึงบ้านฟรีทันทีโดยไม่คิดตังค์เลยค่ะ อยากหั้ยมุสลิมทุกคนได้อ่านสิ่งนี้ เพื่อประชาชาติที่ดีเลิศของอิสลาม....น่ะฮ่ะ
มีข้อข้องใจติดต่อ....fd_verygood@hotmail.com
งึม..งึม คราวนี้คงต้องกล่าว วัสลามจิงๆแล้วล่ะค่ะ
วัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺวะบารอก่าตุฮฺ

ความหวังกับเยาวชนอิสลาม!!!!!!


อัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺวะบารอก่าตุฮฺ...อย่าลืมตอบสลามด้วยน่ะค่ะ
อืม....ในฐานะที่ดิฉันเป็นเยาวชนอิสลามคนหนึ่ง และคิดว่ายังมีผู้อ่านอีกหลายท่านที่เป็นเยาวชนอิสลาม ดิฉันจึงขอเริ่มต้นบทความด้วยคำถามที่ว่า.. “โอ้เยาวชนหนุ่มสาวทั้งหลาย...วันนี้คุณได้ทำหน้าที่ของคุณแล้วหรือยัง?”
อ่า..หลายคนอาจจะเกิดอาการสงสัย มึนงงและเกิดคำถามในใจ(ซักเล็กน้อย)ว่า หน้าที่ของเยาวชนอิสลามคืออะไรอ่อ และสำคัญแค่ไหนกันเชียวที่เยาวชนอย่างเราต้องมีหน้าที่...น้าน..ต่างคิดกันไปต่างๆนาๆ ค่ะ...เป็นความคิดที่ดีมาก งั้น...วันนี้ดิฉันขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับหนุ่มสาวอิสลาม ให้ทั้งเยาวชนและไม่ใช่เยาวชนได้รับทราบและรับรู้อย่างทั่วกัน........
ค่ะ..สำหรับเยาวชนอิสลามในภาวะโลกร้อนตอนนี้น่ะค่ะ (แล้วมันเกี่ยวกันยังงัยเนี๊ย) มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย (คงไม่ต้องมาไล่เรียงกันเป็นข้อๆน่ะค่ะ) ค่ะ...สำหรับคนที่คิดว่า วันนี้ตัวเองยังไม่ได้ทำหน้าที่ของเยาวชนอิสลาม หรืออาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร ได้โปรดเถอะค่ะ ลุกขึ้นมา แล้วปรับตัวใหม่ซ่ะ เพราะอิสลามไม่ได้ต้องการให้เยาวชนอิสลาม นั่งอยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตในวันๆ หมดไปกับความเพลิดเพลิน การละเล่น การทำสิ่งที่ไร้สาระและไม่เกิดประโยชน์อะไรกับอิสลามของเราเลย และเป็นเยาวชนอิสลามที่มีเพียงแค่ชื่อเป็นมุสลิมเท่านั้น แต่กลับสามารถกระทำทุกอย่างได้ตามความต้องการของตนเอง จนในที่สุดเยาวชนเหล่านี้ถูกดึงไปเป็นกองกำลังของชัยฏอน...นาอูซูบิลลาฮีมินซาลิก
ค่ะ....ทุกคนพึงรู้เถิดว่าอิสลามต้องการให้เยาวชนเหล่านี้กลับคืนสู่วิถีทางที่คนเยาวชนอิสลามควรจะเป็น เป็นคนหนุ่มสาวที่มีอุดมการณ์แห่งเตาฮีด(การให้เอกภาพแก่อัลลอฮฺ ซบ.) มีจุดยืนที่แน่วแน่ เป็นเยาวชนที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมมุสลิมและกล้าที่จะลุกขึ้นยืนประกาศสัจธรรมอิสลามให้ทั้งโลกประจักษ์และที่สำคัญเป็นเยาวชนที่อัลลอฮฺ (ซบ.)ได้ทรงยกเกียรติพวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺได้กล่าวไว้ว่า ว่า “แท้จริงพวกเขาเป็นคนหนุ่มสาวที่ศรัทธาในพระเจ้าของพวกเขาและเราได้เพิ่มทางนำให้กับพวกเขา” (อัล กะฮฺฟฺ :13)

และต่อไปนี้ก้อเป็นคำสั่งเสียจากเยาวชนอิสลามรุ่นก่อน...ถึงเยาวชนอิสลามรุ่นปัจจุบันน่ะค่ะ
“ภารกิจของคนหนุ่มสาว คือการแบกรับภาระสาสน์ ซึ่งคนหนุ่มสาวมุสลิมจะต้องไม่อยู่ว่างเปล่าเหมือนกับที่คนอื่นๆ เป็นกัน ความวิบัติจงประสบกับคนที่ปลีกตัวเป็นอิสระจากความทุกข์ใจของสังคม จำเป็นที่เราจะต้องแบกรับภารกิจของประชาชาติอิสลาม และมีความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่ออุมมะฮฺ นี้คือภารกิจของคนหนุ่มสาวในยุคสมัยนี้”
โดย...ชัยคฺ ยูซุฟ อัลก็อรฎอวีย์


“พวกท่านคือส่วนหนึ่งของโลกอิสลาม จึงจำเป็นที่พวกเราทุกคนต้องเตรียมตัวของตนเอง เพื่อเป็นอิฐก้อนที่ใช้การได้สำหรับการก่อสร้าง (ฟื้นฟูอิสลาม) เพื่อพวกเราจะได้เป็นคนหนุ่มสาวที่มุมานะ ผู้มีศรัทธาและยึดคำสัตย์จริง ผู้มีดวงจิตอันบริสุทธ์ ผู้ที่มีความคิดอันเฉียบคม มีรากฐานอันล้ำลึก เมื่อพวกเรามีคุณสมบัติอันนี้แล้ว ก็จงเชื่อฉันเถิดว่า พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงกระแสธารแห่งความชั่วร้ายได้
โดย...เมาลานา อบุลฮะซัน อันนัดวีย์

“บทบาทคนหนุ่มแห่งอิสลามในวันนี้ เป็นบทบาทและภาระรับผิดชอบที่หนักยิ่ง หนทางเต็มไปด้วยเสี้ยนหนาม ภาระหน้าที่สถาปนาอิสลามในชีวิตจริงของมนุษย์ในวันนี้ จำต้องอาศัยชนแห่ง..อัล-กุรอานรุ่นใหม่ ผู้ซึ่งดำเนินตามชนแห่งอัลกุรอานรุ่นแรก และด้วยสิ่งนี้ในวันนั้นศรัทธาชนทั้งหลายจะได้ปิติสุขกับการช่วยเหลือจาก อัลลอฮฺ(ซ.บ.)
…แด่คนหนุ่มแห่งอิสลามในทุกแผ่นดิน…แด่ชนรุ่นใหม่แห่งอิสลามผู้มองเห็นความรุ่งโรจน์แห่งอนาคต…แด่ผู้ศรัทธาที่อุทิศตนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่อิสลาม
ฉันขอมอบสาสน์นี้แด่เธอด้วยความรัก ความปิติยินดีและเกียรติยศ
โดย... ดร. ฟัตฮี ญะกัน


เห็นแล้วใช่มั้ยค่ะ ว่า...เราในฐานะที่เป็นเยาวชนอิสลาม มีบทบาทหน้าที่ต่ออิสลามมากมายขนาดไหน วัยนี้เป็นวัยที่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยากเลยสำหรับภาระหน้าที่แค่นี้ ทุกคนต้องทำได้เพื่ออิสลามของเรา...อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม
***หมายเหตุ บทความนี้อาจจะยาวหน่อยน่ะค่ะ ก้อพยายามย่อแล้วน่ะค่ะ หวังว่าท่านผู้อ่านจะ(พยายาม)อ่านจบกันทุกคนน่ะค่ะ คิ คิ
วัสลาม(อีกรอบ)ค่ะ

ขอลา(ชั่วคราว)....แดะห์


นื่องด้วยดิฉันไม่สบาย เป็นไข้ ตัวร้อน จึงขอลาเรียนเป็นเวลา 1 ปี ถ้าดิฉันหายดีแล้วจะมาเรียนตามปกติ
.......................จึงเรียนมาเพื่อทราบ


ว้า!! ออกแนวใบลาซ่ะงั้น เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่าน่ะ
ค่ะ....เนื่องด้วยช่วงนี้ดิฉันอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่(พอสมควร) อัลฮัมดูลิลลาฮฺ ดิฉันได้เป็นนักศึกษาในรั้วมหาลัยอย่าง(ค่อนข้างจะ)เต็มตัวแล้ว ด้วยเหตุฉะนี้แล้ว ดิฉันจึงต้องมีการปรับตัวในหลายด้านมากกกกกกกกกกกกก มากจริงๆน่ะ คิคิ และด้วยเหตุที่ดิฉันเลือกที่จะเรียนเอกไอทีที่มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ทำให้ดิฉันต้องเรียนภาษาอังกฤษก่อน เพื่อปูความรู้ด้านภาษาหั้ยมันแน่น(ฟังดูงงๆน่ะ...งั้นเพื่อความสบายใจของผู้อ่าน ดิฉันก้อขอแนะนำให้ผู้อ่านแก้ความงงด้วยการไม่งงก้อแล้วกันน่ะค่ะ 555555++)ค่ะ..ขำไปสามตลบ ต่อ..ต่อ ทำหั้ยดิฉันไม่ค่อยมีเวลามาอัพบทความใหม่ๆ มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการท่องศัพท์อังกฤษ อีกทั้งยังต้องฝึกอ่าน ฝึกเขียนภาษาอังกฤษ และอีกฯลฯ ทำให้ผู้อ่านหลายท่านเกิดความฉงนและมีคำถามออกมาว่าทำไมไม่มีอะไรใหม่ๆเลย ก้อขอมาอัฟสำหรับท่านผู้อ่านทุกคนน่ะค่ะ อินชาอัลลอฮฺ ถ้าดิฉันปรับตัวและสามารถแบ่งเวลาได้แล้วเนี๊ย ดิฉันจะเฉียดเวลามาเขียนบทความให้ได้อ่านกันน่ะค่ะ...โปรดอดใจรอด้วยใจตึ๊กตั๊ก น่ะค่ะ
วัสลามมูอาลัยกูม

tips สร้างคูชัวะในการละหมาด

อัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺวะบารอก่าตูฮฺ

ค่ะ..สำหรับวันนี้ดิฉันก้อมี tips สร้างคูชัวะในการละหมาด หลายคนอาจจะทราบดีน่ะค่ะว่าทุกการอีบาดัตของเราต้องควบคู่ไปกับการนียัตและความอิคลาซ (ความบริสุทธ์ใจ) แต่ถ้าทุกวันเราละหมาดไม่เคยขาดแต่การละหมาดของเรามีแค่การซูหยูดและการรุกัวะแต่ปราศจากความคูชัวะ นั่นก้อหมายถึงว่าการงานที่คุณได้ทำนั้นสูญเปล่าไป โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย หรือไม่ที่ร้ายแรงกกว่านั้นก้อคือ คุณอาจจะอยู่ในจำพวก “ชีริกเล็ก” หรือพวกที่ทำอีบาดัตเพื่อการโอ้อวด นาอูซูบิลลาฮฺมินซาลิก
ค่ะ..ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังงัยให้เราคูชัวะในการละหมาดนั้น ก้อเชิญอ่านสิ่งที่ดิฉันจะนำเสนอต่อไปนี้น่ะค่ะ รับรองได้ผล เพราะดิฉันลองใช้วิธีดังกล่าวมาด้วยตัวเองแล้ว แฮะ แฮะ!! บอกตามตรงน่ะค่ะ ว่าบางครั้งดิฉันก้อไม่ค่อยคูชัวะในการละหมาดเช่นเดียวกัน งั้นเรามาอ่านพร้อมกันเลยดีกว่าน่ะ
1. ตามองที่สูหยูด

2. จิตจับอยู่ที่ริมฝีปากว่ากำลังอ่านอะไรอยู่สำหรับซูเราะฮฺที่รู้คำแปล ให้นึกตาม และวาดเป็นภาพในสมองตามไปด้วยสำหรับซูเราะฮฺที่ไม่รู้คำแปล ให้นึกตามว่าเรากำลังอ่านอักษรอะไรอยู่นึกภาพอักษรนั้น ๆ ตามไปด้วย (ไม่ต้องทุกตัวหรอก เอาแค่ให้จิตจับอยู่กับที่ก็พอ)

3. เมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ ให้คิดนำหน้าการกระทำของตัวเองว่ากำลังจะทำอะไรต่อไป เช่น รูกัวะ ก็ให้คิดก่อนว่าเดี๋ยวจะยกมือแล้วนะยกแล้วคิดต่อว่าเดี๋ยวจะเอามือลงแล้วนะ หรือ ซูหยูดให้คิดก่อนว่าเดี๋ยวจะลงไปซูหยูดแล้วนะตามลำดับ
...อินชาอัลลอฮฺ ละหมาดไม่สูญเปล่า เพราะอัลลอฮฺจะไม่มองดูการงานที่เราไม่ใส่ใจค่ะ
ปล. จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องละหมาดอย่างเดียว น่ะค่ะ เรานำไปใช้กับกิจกรรมอื่นๆในชีวิตประจำวันได้ด้วย โดยให้ตัวเองรู้ตัวตลอดว่า เวลานี้กำลังทำอะไรอยู่ เท่านี้การงานเราก้อจะไม่สูญเปล่าแล้วล่ะค่ะ....อินชาอัลลอฮฺ
วัสลามค่ะท่านผู้อ่านที่ศรัธทายิ่งทุกคน

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "อุคุวะฮฺ"


ณ. ห้องสี่เหลียมๆ แห่งหนึ่งในค่ำคืนวันจันทร์ เอ๊ะ..คืนนี้วันพุธนี่หนา อ่อ..ในค่ำคืนวันที่ไม่ใช่อิสลาม(วันพุธ) หลังจากที่ละหมาดมัฆริบเสร็จ ระหว่างที่ดิฉันกำลังรอเสียอาซานของวักตูอีซาอยู่นั้นดิฉันก้อคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพร้อมกันนั้นดิฉันก็หายใจไปด้วยน่ะ(แล้วจะบอกทำไม!!) และแล้วในระหว่างที่สมองของดิฉันกำลังทำงานอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น สายตาของดิฉันก็เหลือบไปเห็นกองวารสารกองหนึ่งเป็นวารสารโรตีมะตะบะ ที่เก็บมานานตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่1 (เกินไปมั้ง) ดิฉันจึงหยิบมาอ่านซักเล่มเพื่อประดับความรู้...ซ่ะงั้น ดิฉันอ่านไปเรื่อยๆ จนพลิกไปเจอบทความเรื่องหนึ่ง เป็นบทความที่ทำให้เราได้รู้จักกับคำว่า “อุคุวะฮฺ” อย่างลึกซึ้ง หลังจากที่ดิฉันอ่านไปได้ครึ่งหน้า ดิฉันก็นึกได้ว่า ดิฉันน่าจะเผยแพร่ให้พี่น้องมุสลีมีนมุสลีม๊ะที่น่ารักได้อ่านกันด้วย อ่า..เห็นด้วยล่ะสิ ค่ะ..รู้สึกว่าจะพูดมากไปซ่ะแล้ว งั้นเราไปอ่านบทความกันเลยดีกว่าน่ะค่ะ 5..4..3..2..1..แอ๊คชั่น
อุคุวะฮฺ คือ อะไร?? งั้น..บอกให้ก้อได้ค่ะว่า..
อุคุวะฮฺ คือ คำที่มีมากกว่า คำว่า “มิตรภาพ” ลึกซึ้งเกินกว่าคำว่า “เพื่อน” ยาวนานเกินกว่า “อายุขัย” และแน้นแฟ้นยิ่งกว่า “ความเป็นพี่น้องในสายเลือด”
อุคุวะฮฺ คือ ความรู้สึกเป็นพี่น้องในอิสลาม ซึ่งมีผลกระทบต่อความศรัทธาและจะถูกคำนวณออกมาเป็นผลคะแนนและการตอบแทนในที่สุด
อุคุวะฮฺ คือ การยึดมั่นในสายเชือกแห่งอัลลอฮฺ
อุคุวะฮฺ คือ การที่เขาเจ็บแล้ว...เราเจ็บกว่า
อุคุวะฮฺ คือ มีที่ไหนก้ออบอุ่นใจที่นั้น
อุคุวะฮฺ คือ คำที่ทำให้คำว่า “คนอื่น” ถูกนำมาใช้น้อยลง
อุคุวะฮฺ คือ ความร่วมมือและการสนับสนุน ในการทำกิจกรรมดี-ดี เช่นการสร้างทีมงานคอลีฟะห์บนหน้าแผ่นดิน และช่วยกันจัดทำโครงการระดับโลก ซึ่งก้อคือ “โครงการชักชวนคนทำความดี และห้ามปรามคนทำความชั่ว”
อุคุวะฮฺ คือ การที่เราไม่หลงลืมที่จะดุอาห์ให้แก่กัน และการยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
อุคุวะฮฺ คือ พื้นฐานการสร้างสังคมและกลุ่มญามาอะห์
อุคุวะฮฺ คือ สายสัมพันธ์ที่เชื่อมกันระหว่างอุมมะฮฺอิสลาม
อุคุวะฮฺ คือ การที่อยากย้ำเตือนกันว่า อย่าทะเลาะกัน อย่างอนกัน ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันหน้าเข้าหากัน
ความเข้มแข็งของอุมมะฮฺอิสลาม
อุคุวะฮฺ คือ ความเป็นหนึ่งเดียวและการก้าวไปพร้อมกัน
อุคุวะฮฺ คือ สิ่งที่ช่วยลดภาวการณ์สร้างมัสยิดสองหลังในหมู่บ้านเดียวกัน
อุคุวะฮฺ คือ เมื่อใดที่ “ที่ร่วมกันหรือไม่ร่วมกัน” ที่มีผลทำให้วงแตก จะไปโทษแก๊สโซฮอล์ไม่ได้
อุคุวะฮฺ คือ คนที่ฝากบอกว่ามุสลิมที่ไร้ระเบียบ จะถูกทำลายด้วยศัตรูที่มีระบบ
อุคุวะฮฺ คือ จุดเริ่มต้นของความรัก รอยยิ้ม ความห่วงใยและสิ่งดีๆมากมายในโลกนี้
อุคุวะฮฺ คือ ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากบอกว่า การโต้เถียงกันจะนำไปสู่ความแตกแยก และจะเป็นช่องทางการถูกแทรกแซงได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง..
สุดท้าย.. “อยากให้มุสลิมกลับมารักกันเหมือนเดิม”
ปล. “เมื่อเกิดความรู้สึกไม่เข้าใจกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือ...การไม่มีการปรับความเข้าใจระหว่างกันนั่นเอง”

ค่ะ...หลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความนี้จบแล้ว หวังว่าทุกคนจะคิดเหมือนกับดิฉันน่ะค่ะ คำว่า “อุคุวะฮฺ” ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความหมายที่ว่าพี่น้องเท่านั้น แต่ความหมายมันช่างล้นเหลือเกินคำบรรยายจริงๆ เนาะฆอยะวีตาฮูแดะห์ แต่หากว่ายังมีบางคนที่อ่านบทความนี้จบ แต่ยังไม่เข้าใจในความหมายของคำว่า “อุคุวะฮฺ” เลยซักนิดเดียว ดิฉันคิดว่าคุณคงจะเป็นคนที่มีความคิดที่คับแคบสุดขั้วหรือไม่ก็กว้างไกลสุดขีด แต่ไม่เป็นไรค่ะ คุณยังพอมีทางแก้ ทางแก้ทางเดียวที่คุณสามารถทำได้นั่นก้อคือ คุณต้องหมั่นเข้าชมบทความในเว็บนี้บ่อยๆ แล้ว อาการของคุณน่าจะดีขึ้น (ว้า....ออกแนวโปรโมทซ่ะแล้ว) ทำไงได้ล่ะ ก็ของเค้าดีจริงนี่(ยังไม่หยุดอีก) อืม...สงสัยดิฉันคงต้องขอตัวแค่นี้ก่อนน่ะค่ะ จะไปรักษาอาการฟาแซ(หลงตัวเอง)ที่กำลังกำเริบอยู่ตอนนี้แล้วล่ะค่ะ ไปน่ะค่ะ แล้วพบกันใหม่ หากเป็นความประสงค์ของอัลลอฮฺ.......
วัสลามสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าอุคุวะฮฺทุกคนค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไฟดับ

ณ. คืนหนึ่ง ขณะที่ดิฉันกำลังเพลิดเพลินกับการท่องเว็บอยู่นั้น จู่ๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก้อเกิดขึ้น เหตุการณ์นั้นมันช่างน่ากลัวมาก เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ดิฉันหายใจไม่ออก ฮือ เฮื้อก เอือก คึค นี่ยังติดอาการอยู่เลยน่ะค่ะ อ่า..อยากรู้แล้วล่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้น!! มันคือ..คือ.. “ไฟดับ” มันก้อแค่ไฟดับ ทำเป็นตื่นเต้นไปได้(อาจจะมีหลายคนคิดแบบนี้) ค่ะ..อาจมีหลายคนที่เห็นว่าไฟดับ เป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับดิฉันแล้ว มันคือเรื่องใหญ่ เพราะสิ่งที่มาพร้อมกับไฟดับนั้นมันคือความมืด ดิฉันไม่ชอบความมืด เพราะความมืดมันทำให้ดิฉันหายใจไม่ออก ทันทีที่ไฟดับดิฉันรีบไปหาแสงสว่างทันที ดิฉันมองไปรอบๆตัว แต่มองไปด้านไหนก้อเจอแต่ความมืด หันซ้ายก้อมืด หันขวาก้อมืด หน้าก้อมืด และหันหลังยังมืดเลย ขนาดหมุนไปสามร้อยแปดสิบองศาก้อเจอแต่ความมืด (แน่อ่ะดิ ก้อไฟดับนี่หนา) แต่ถึงแม้ว่าไฟในบ้านจะดับมืด แต่เมื่อชะเง้อหน้าออกไปทางหน้าต่าง ดิฉันก้อได้เห็นกับแสงไฟจากดวงไฟกลางถนนที่ยังคงเปล่งแสงสว่างอยู่เพียงดวงเดียว แสงไฟนั้นพอที่จะทำให้ดิฉันหายใจออกได้บ้าง ระหว่างที่ดิฉันกำลังใจหาย เอ้ย..หายใจอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น ก้อมีสิ่งหนึ่งแว้ปเข้าสมองดั่งไวรัสที่แทรกเข้าคอมฯ (เว่อร์) สิ่งนั้นก้อคือ “ความคิด” ในท่ามกลางที่ทุกคนในบ้านกำลังชลมุนในการหาไฟฉาย เทียนและแสงสว่างชนิดต่างๆอยู่นั้น แต่ดิฉันนั่งเงียบริมหน้าต่างคนเดียว รอหั้ยมีผู้อุปการะคุณยื่นเทียนมาให้ซักเล่ม..(ช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดีเลยน่ะ) ค่ะ..ในตอนนั้นดิฉันเกิดความคิดหนึ่ง
………ในท่ามกลางความมืดมิดที่มาจากการไฟดับนั้น มันจะสามารถสู้กับความมืดมิดของหลุมฝังศพได้หรือไม่ แล้วถ้าตอนนี้เราเกิดตายไปโดยที่ไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย เราจะดำรงอยู่ในหลุมฝังศพในสถานะไหน จะอยู่ท่ามกลางความมืดกี่ร้อยพันเท่าของความมืดจากไฟดับนี้ ความมืดมิดในวันนี้เรายังสามารถได้ยินเสียงชลมุนของทุกคนในบ้าน แต่ความมืดมิดของหลุมฝังศพสิ จะได้ยินเสียงใครบ้างมั้ย มันคงเป็นบรรยากาศที่น่ากลัวกว่าไฟดับในวันนี้เป็นหลายร้อยพันเท่าซิน่ะ
........นอกจากตัวดิฉันเองแล้ว ดิฉันคิดว่ายังมีประชาชาติอิสลามอีกหลายต่อหลายคนที่ยังไม่เตรียมพร้อมเพื่อไปสู่ความตาย ณ.วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับโลกดุนยามากกว่าการตระเตรียมเสบียงเพื่อไปสู่โลกอาคีรัต บางคนวันๆ คิดได้แค่ว่า คืนนี้ละครอะไรน่ะ เมื่อไหร่พระเอกกับนางเอกจะคืนดีกันน่ะ ตอนนี้มีแฟชั่นอะไรใหม่ๆ หั้ยอัปเดตกันบ้างน่ะ และอีกฯลฯ เฮ้อ..
จากข้อความหนึ่งที่ดิฉันได้อ่านเจอ มันเป็นประโยชน์ต่อดิฉันมาก และคิดว่า มันก้อน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านหลายคนเหมือนกัน ซึ่งได้เขียนว่า <<<ท่านรอซุ้ล ได้กล่าวไว้ว่า “ผู้ที่นึกถึงความตายมากที่สุดในหมู่พวกเขา และมีการเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับเหตุการณ์หลังความตาย อย่างดีที่สุด บุคคลนั้นคือผู้ที่มีสติปัญญามากที่สุด”>>>
.......ค่ะ..ดิฉันไม่รู้ว่าน่ะค่ะว่า บทความนี้จะให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้อ่านบ้าง แต่สิ่งที่ดิฉันได้จากบทความนี้นั่นก้อคือ ทุกคนควรรำลึกถึงการตายอยู่เสมอ เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าความตายจะมาเยือนเราเมื่อไหร่ และเมื่อเราตายไปจะมีครัยรู้บ้างว่า ชีวิตในหลุมฝังศพจะเป็นยังงัย จะพอมีแสงสว่างจากดวงไฟดวงไหนบ้าง ดังนั้นเมื่อเราคิดได้แบบนี้แล้ว ก้อจงรีบตักตวงความดีเพื่อเป็นเสบียงสู่โลกอาคีรัต รีบทำตั้งแต่วินาทีนี้เลยน่ะค่ะ ก่อนที่คุณจะไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่จะทำ จงจำเสมอว่า “ทำดีไม่มีเดี๋ยว”
วัสลาม

บททดสอบก่อนเข้าสู่...รั้วมหาลัย ยัย ยัย!!!!!!

MA-HA-LAI+IS-LAM
สลามน่ะค่ะ ตอนนี้ดิฉันก็จบม.6 แล้ว ก็อัลฮัมดุลิลลาฮฺในความสำเร็จครั้งนี้ สิ่งที่ดิฉันต้องทำต่อไปนั้นก็คือ การก้าวขึ้นสู่..รั้วมหาลัย แต่ตอนนี้อัลลอฮฺก็ทรงประทานมหาลัยที่ดีที่สุดแก่ดิฉันแล้ว ดิฉันตัดสินใจแล้วว่าดิฉันจะเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยอิสลามวิทยาเขตปัตตานี คณะไอทีค่ะ ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียนที่นี้ แต่ด้วยเหตุผลในหลายๆ ด้านที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจเรียนต่อที่นี้ แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจเรียนที่นี้นั้นก็คือ มีคนรู้จักหลายคนที่เรียนที่นี้ พูดง่ายๆก็เรียน “ตามเพื่อน” 555++ แต่ที่เลือกคณะไอทีเพราะชอบด้านนี้จึงเลือกที่จะเรียนที่นี้และคณะนี้ค่ะ..จบ
เฮ้ย...ยังไม่จบ สำหรับวันนี้ดิฉันก็จะมาเล่าเหตุการณ์วันที่ไปสอบวัดความรู้ให้ได้ฟังกันน่ะค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ แก่น้องๆ ที่จะสอบในปีถัดๆไปค่ะ
ค่ะ...งานนี้มีทั้งข้อสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ยิ่งคณะไอทีด้วยแล้ว ข้อสอบก็ไม่พ้นภาษาอังกฤษแน่นอน
....สำหรับข้อสอบข้อเขียนก็ไม่ได้หนักใจเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะมันเป็นข้อสอบข้อเขียน ไม่ต้องไปประจารณ์ความไม่รู้เรื่องให้ใครรับรู้ซักเท่าไหร่ เวลาที่อ่านข้อสอบไม่รู้เรื่องก็เก๊กท่าอวดฉลาดไว้ก่อน แล้วก็ใช้วิธีการเดาแบบที่เคยทำมา(ประจำ) แต่อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่ข้อสอบของเค้าไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ทำให้ไม่ต้องพึ่งวิธีการเดาแบบมั่วๆเลย เดาแบบใช้ความรู้ล้วนๆ แต่ก็อาจจะมีความรู้ที่เพี้ยนผสมไปบ้างก็เป็นเรื่องปรกติน่ะค่ะ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี คราวนี้มาถึงการสอบสัมภาษณ์ต่อ ดิฉันไม่รู้น่ะค่ะว่าคนอื่นเค้ามีความรู้สึกยังงัยแต่สำหรับดิฉัน บอกได้คำเดียวเลยว่าตื่นเต้นสุดๆ งั้นจะเล่าเหตุการณ์ตอนสอบสัมภาษณ์ให้ฟังน่ะค่ะ เริ่มจากที่ก้าวขาเข้าสู่ห้องสอบสัมภาษณ์ บรรยากาศวังเวง เหมือนกับจะเข้าห้องผ่าตัดยังงัยยังงั้นเลย5555++ เริ่มแรกก็เลื่อนประตูเปิดก่อนแล้วให้สลาม ในห้องนั้นมีอาจารย์อยู่สามคนหญิงสองชายหนึ่ง อาจารย์ผู้ชายเป็นอาจารย์เก่าจากโรงเรียนพัฒนานี่แหล่ะค่ะ ท่านชื่อว่า "อาจารย์สะอาด" เข้าไปในห้องปุ๊ปเค้าก็ให้เรานั่งลง แล้วเค้าก็พูดเป็นภาษาอังกฤษให้เราแนะนำตัว ดิฉันด้วยความที่ตื่นเต้นเกินเหตุ สิ่งที่ท่องมาดันมาลืมซ่ะงั้น(เป็นความประสงค์ของอัลลอฮฺ) เลยเอาแค่ที่จำได้(แบบว่ายึดหลักพอเพียงงัย) ต่อมาพอเราเล่าเรื่องเราจบ ก็เป็นทีเค้าถามต่อ อ้อ..ลืมบอก ก่อนที่ดิฉันจะเข้าไปสอบ เพื่อนที่เข้าไปก่อนยอบอกว่า ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งที่ยอถามก็ให้หันไปมองหน้าคนที่นั่งตรงกลาง แล้วคนที่นั่งตรงกลางจะรู้เองว่าเราไม่เข้าใจแล้วเค้าจะช่วยแปลให้ พอดิฉันฟังคำถามซึ่งเค้าจะถามเป็นภาษาอังกฤษ และพูดเร็วมาก บอกตามตรงเลยน่ะค่ะ ทั้งประโยคที่เค้าพูด เข้าใจความหมายไม่ถึง 5 คำเลย เมื่อฟังคำถามจบ ทำให้ดิฉันนึกถึงคำที่เพื่อนบอกก่อนเข้าห้องสอบ ว่าถ้าไม่รู้เรื่องให้หันมาทางคนกลาง ดิฉันก็เลยหันไปมองคนกลาง เชื่อไม่ค่ะ มันไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะเมื่อดิฉันหันไปมองคนกลาง ยอก็มองดิฉันโดยไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย ประเภทที่ว่า “ต่างคนต่างพูดไม่ออกได้แต่มองตาเท่านั้น.....” แต่ในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจใช้วิธีการพูดแบบไม่อ้อมค้อม(พูดตรงๆ) ว่า “คือ...หนูฟังไม่รู้เรื่องค่ะ” แป๊ว ววว...หน้าอายมากเลยใช่มั้ยค่ะ ค่ะ..แต่ความอายก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะเมื่อเค้าแปลให้ ดิฉันก็ดันพูดเป็นภาษาอังกฤษไม่ออกซ่ะงั้น เลยยอมอายอีกรอบพร้อมกับเก๊กท่าทำหน้าตายสุดขีดและบอกเค้าไปว่า “หนูขอตอบเป็นภาษาไทยได้มั้ยค่ะ” แป๊ววววว(รอบสอง) แต่ในที่สุดทุกอย่างก็(เกือบ)ผ่านพ้นไปด้วยดี เห็นมั้ยค่ะ!! ในความตื้นเต้นก็ยังแฝงความสนุกและความอายด้วย สงสัยไปสอบรอบหน้าควรเตรียมตัวให้มากกว่านี้แล้วหล่ะ จะได้ไม่ต้องหาเรื่องหน้าอายใส่ตัวอีก5555++
..ค่ะ...สำหรับใครที่เคยมีประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์สนุกๆ ก็สามารถเล่าสู่กันฟังได้น่ะค่ะ ส่วนคนที่ยังไม่เคยเจอการสอบสัมภาษณ์นั้นก็ไม่ต้องกลัวไปน่ะค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ อย่าตื่นเต้น มั่นใจในตัวเอง(ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถทำได้เลยซักข้อ) แล้วทุกอย่างจะดีเอง อย่าลืมน่ะค่ะ "ไม่ลองไม่รู้
"
วัสลามค่ะ
*_*
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ก๊อก ก๊อก ก๊อก กลับมาแล้วค่ะ


กลับมาแล้วค่ะ หลังจากที่หายหน้าหายตาและหายใจไปนาน(พอสมควร) วันนี้ก็กลับมาแก้ตัวค่ะ หลายคนอาจจะเกิดความสงสัย(คนเดียว)ว่าดิฉันหายไปไหน งั้นเพื่อให้หายความสงสัย ก็จงพยายามทำตัวไม่ให้เกิดความสงสัยเป็นดีที่สุด555++ ที่หายไปก็ไม่ได้ไปเล่นซ่อนหากับใครหรอกค่ะ พอดีว่าช่วงที่ดิฉันหายไปนั้น ดิฉันหายไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ สอบอะไรนั่นหรอ ? ก็มีสอบชิงทุนและก็สอบวัดความรู้เพื่อเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และที่สำคัญข้อสอบที่ดิฉันต้องเผชิญมันก็เป็นข้อสอบอังกฤษล้วน แฮะ แฮะ งานนี้เลยต้องเคร่งเครียดอ่านหนังสือเกี่ยวกับภาษาอังกฤษกะเค้าหน่อย แต่เหตุผลสำคัญที่ดิฉันหายไปนานนั้นก็พอดีว่าคอมที่บ้านป่วย เลยทำอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ (ฟังดูเศร้าน่ะ) หลายคนที่เข้าแวะชมเว็บนี้อาจจะต้องกลับไปด้วยความผิดหวังเพราะไม่มีบทความใหม่ๆมาอัพเลย ยังงัยต้องขอมาอัฟด้วยน่ะค่ะ ที่หายไปโดยไม่ได้ร่ำลาเลย ทิ้งให้เว็บนี้โดดเดี่ยวเหมือนเว็บที่ถูกทิ้ง ไม่มีเจ้าของ เป็นเว็บกำพร้า ไม่มีคนดูแล เฮ้อ..ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า ทำให้ดิฉันอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็คงต้องอดกลั้นทนฝืนเพื่อเว็บที่มีชีวิตชีวา 55555555555555+++ (หัวเราะเอาแรงนีสนึง) เอาล่ะค่ะ กลับมาคราวนี้ดิฉันจะ(พยายาม)อัพบทความใหม่ๆมาให้อ่านกันทุกปี เฮ้ย..นานไป งั้นเอาทุกอาทิตย์เลยน่ะค่ะ...อินชาอัลลอฮฺ
เฮ้อ..พูดมาตั้งนานลืมทักทายกันซ่ะงั้น งั้นก็อัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮิวะบารอก่าตุฮฺ อ้าวไม่มีอะไรแล้วนี่นา งั้นวัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮิวะบารอก่าตุฮฺ ....คราวนี้ขอจบแบบงงๆหน่อยน่ะ คงไม่ว่ากันน่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

น้ำยาล้างใจ

"อัลกรุอาน"..ยาล้างใจ ใช้ขจัดคราบมันสกปรก แม้แต่หัวใจที่มีสนิมเกรอะกรังไปแล้วก็ตาม

วันนี้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ล้างใจที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบมัน สกปรก หมดแล้วหรือยัง!!!
*******************************************************************

ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักจาก “วารสารโรตีมะตะบะ” ที่เอื้อเฟื้อแนวคิดดีดี ในการสร้างโฆษณาชิ้นนี้เพื่อประจักษ์สู่สายตาประชาชนโลก (บางคน) และที่สำคัญยิ่ง...ขอชูโกรต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงประทานแนวคิดดีๆ เช่นนี้แก่บ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลาย ทั้งผู้จัดทำวารสารโรตีมะตะบะ และดิฉันvery good ….......อัลฮัมดูลิลลาฮฺ

Hi 5 หรอ???

----ช่วงนี้รู้สึกว่ากระแส Hi5 มันฟีเว่อร์น่ะค่ะ หรือภาษาบ้านเราเรียกว่า มาแรงค่ะ ว่ามั้ย!! ไปไหนมาไหนก็จะได้ยินแต่คนพูดถึง Hi5กันทั่วบ้านทั่วเมืองเลย วันก่อนดูข่าวการถึงเชิญชวนให้สมาชิกHi5แลกเปลี่ยนคู่นอนทางHi5 นี่แหล่ะ เฮ้อ..ฟังข่าวเรื่อง Hi5ทีไรก็ใจหาย นึกถึง พี่น้องมุสลิม มุสลีม๊ะ เป็นที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้น่ะ....รู้สึกว่าคนรอบตัวของดิฉันหันไปเล่น Hi5 กันเยอาะมากกกกกกกกกกกก(เยอาะจิงๆ) ไม่รู้ว่ามีอะไรเป็นแรงดึงดูดพวกเค้าขนาดนั้น บางคนถึงกับนำโลก Hi5 มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว(มั้ง)
----อ่า....เข้าเรื่องเลยดีกว่าน่ะค่ะ แต่ก่อนอื่น ดิฉันก็ต้องออกตัวก่อนน่ะค่ะว่า ดิฉันไม่ได้มีโลก Hi5 กับเค้าหรอกค่ะ แต่ก็เคยเข้าในโลกของ Hi5 บ้างแล้ว(ไปสำรวจพฤติกรรมของพี่น้องมุสลิมด้วยกันอ่ะค่ะ) ท่านผู้อ่านเชื่อมั้ยค่ะ ว่าใน Hi5 มีพี่น้องมุสลิม มุสลีม๊ะเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กพัฒนาเรานี่ล่ะค่ะ ทั้งที่เป็นรุ่นพีที่จบไปแล้ว อีกทั้งเพื่อนที่เรียนอยู่รุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน หรือแม้แต่รุ่นน้อง ม.ต้นก็ยังมีเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วก็จะพบว่าเป็นพี่น้องมุสลีม๊ะเป็นส่วนใหญ่ เฮ้อ...นี่ดิฉันไม่รู้จะแสดงความรู้สึกต่อเรื่องนี้ยังไงดี ดิฉันไม่รู้ว่าจะภูมิใจหรือเศร้าใจดีที่มีเด็กมุสลีม๊ะของพัฒนาเล่น Hi5 กันมากขนาดนี้ อาจจะมีผู้อ่านหลายคนน่ะค่ะที่กำลังตอบอยู่ในใจว่า “เราต้องภูมิใจสิ เด็กพัฒนาเป็นเด็กที่ทันสมัย ไฮเทค ทันต่อโลกต่อเหตุการณ์ มีเว็ปอะไรที่เค้าฮิตๆกัน ก็มีส่วนร่วมตลอด น่าภูมิใจเป็นที่สุ้ดดดดดดด” แต่ในอีกด้านหนึ่งดิฉันก็คิดว่ายังมีอีกบางส่วนที่ค้านอยู่ในใจว่า “เฮ้อ..น่าเศร้าน่ะ เดี๋ยวนี้พี่น้องมุสลีม๊ะเล่น Hi5 กันมากขึ้น พวกเธอไม่รู้หรือว่า Hi5 อันตรายต่อพวกเธอขนาดไหน มันอาจจะนำพวกเธอ(บางส่วน)ออกจากแนวทางของอัลลอฮฺ(ซ.บ) ก็ได้น่ะ....” อย่างว่าล่ะค่ะ หลายคน หลายความคิด ซึ่งถ้าถามถึงความคิดเห็นส่วนตัวของดิฉันแล้ว คุณก็คงไม่ได้คำตอบโดยตรงหรอกค่ะ แต่ถ้าอ่านจนจบก็ไม่แน่น่ะ อ้าว..อ่านต่อดีกว่าน่ะ
----บอกตามตรงน่ะค่ะ (เกือบ) ทุกครั้งที่ดิฉันเข้าไปสัมผัสกับโลก Hi5 ดิฉันก็ได้พบกับรูปภาพน่ารักๆที่เพื่อนๆเค้าอัพกัน มีคนมาคอมเม้น(วิจารณ์) Hi5 ของเรา มีการฝากความคิดถึง ห่วงใยหรืออาจจะแซวกันผ่าน Hi5 ของแต่ละคน...สิ่งนั้นมันยิ่งกระตุ้นต่อมความ"อยาก "ที่จะมีโลก Hi5 กะเค้าบ้าง เพื่อที่จะอัพรูปภาพตัวเองที่ถ่ายกับเพื่อนๆ ให้คนภายนอกได้ดูกัน แล้วฟังเสียงคอมเมนท์ที่มีต่อรูปของเรา แต่ถึงกระนั้นเถอะ มันก็คงเป็นได้แค่ความคิดที่ชั่ววูปเท่านั้น และเป็นความคิดที่มันน่าละอายแก่ใจมาก แต่ดิฉันสามารถหยุดความคิดนั้นได้โดยการที่มองไปอีกด้านหนึ่ง มันทำให้ดิฉันเห็นถึงผลที่ตามมา นั้นก็คือ มันจะคุ้มซักแค่ไหนกันเชียวที่เราจะใส่รูปตัวเองลงไปในโลกไร้พรมแดนเช่นนั้น เราไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่ารูปของเรามันจะไปสู่สายตาของใครต่อใครบ้าง แต่ลองคิดดู(เล่นๆ)น่ะค่ะว่า ถ้าเกิดวันนึงรูปที่น่ารักๆ ของคุณไปตกอยู่ในสายตาของมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า “ชั่วช้าสามัญ” นาอูซูบิ้ลลาฮิมินซาลิก............อะไรมันจะเกิดขึ้นค่ะ ใครตอบได้มั้ง แต่อาจมีผู้อ่านบางคนกำลังพูดอยู่ในใจว่า “มันคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง ผู้เขียนก็คิดไกลไปได้ เว่อร์!!!) ค่ะ ดิฉันยอมรับน่ะว่าดิฉันคิดไกลเกินไป งั้นเรามาคิดเรื่องใกล้บ้างน่ะค่ะ อืม..งั้นดิฉันขอพูดถึงเสียงคอมเมนท์ที่มีต่อรูปภาพมุสลีม๊ะใน Hi5 น่ะค่ะ ดิฉันขอพูดตรงๆน่ะค่ะ คุณคิดว่ามันน่าภูมิใจแล้วหรอค่ะ ที่มีคนมาวิจารณ์รูปที่เราอัพไว้ใน Hi5 รูปเราไม่ใช่ของสาธารณ น่ะที่จะให้ใครต่อใครเข้ามาชมแล้ววิจารณ์ไปต่างๆนาๆ คุณไม่อายหรือที่มีสายตาของคนแปลกหน้านับร้อยพันคู่จับจ้องมาที่รูปภาพของคุณ เกียรติการเป็นสตรีแห่งอิสลามของคุณหายไปไหนหมด เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราคือ มุสลีม๊ะ คือไข่มุกแห่งอิสลาม เราต้องดูแลรักษาตัวเองพื่อคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา ซึ่งอัลลอฮฺ(ซ.บ) ก็ได้กำหนดไว้แล้ว
----เอาล่ะค่ะ ยิ่งดิฉันจะพูดมากไปเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าดิฉันจะอคติและต่อต้าน Hi5 มากขึ้นเท่านั้น เอาเป็นว่าดิฉันขอสรุปเลยละกันนะค่ะว่า....เดี๋ยวหยุดหายใจหายคอแป๊ปนึงน่ะค่ะ(ผู้เขียนขอไปดื่มน้ำแป๊ปปปปป)


----มาแล้วค่ะ....ค่ะ ดิฉันก็อยากสรุปง่ายๆเลยน่ะค่ะว่า อยากหั้ยผู้ที่เล่นHi5 ทุกท่าน เล่นHi5 กันอย่างถูกหลักอนามัย เฮ้ย..ถูกหลักอิสลามค่ะ แต่(ถ้า)หากเป็นไปได้ ดิฉันก็อยากหั้ยมีการดะอฺวะห์ผ่านโลก Hi5 ก็คงจะดีไม่น้อยเลยน่ะค่ะ ซึ่งบอกตามตรงน่ะค่ะว่าดิฉันเคยพบมุสลีมีนท่านนึง โดยเค้าระบุว่าเค้าเป็นคนที่เล่นHi5 แต่เกลียดHi5 ซึ่งดิฉันก็พอจะเข้าใจในคำพูดของเขาบ้าง แต่ไม่ถึงกับกระจ่างซักเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเหอาะค่ะ ประเด็นหลักคือ อยากหั้ยทุกคนทราบว่า อัลฮัมดุลลิลลาฮฺ....ยังมีผู้เล่นHi5 บางส่วนที่เล่นHi5 อย่างถูกหลักอิสลาม น่าสนับสนุนน่ะค่ะ ................จบ(จบแบบง่ายๆ อีกแล้ว)

อ่ะ..อ่ะ อาจจะมีตอนต่อไปน่ะค่ะ คอยติดตามดูละกัน งั้นแค่นี้น่ะค่ะ
.........วัสลาม..........the end(ตอนจบ)


**ตอนจบแต่ยังไม่อวสานน่ะค่ะ**


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กลับมาแว้ววววววววววว

อัสลามูอาลัยกูมน่ะค่ะ *_*
อ่า..น่ะคะ กลับมาแล้วค่ะ หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนาน (แฮะ!!!ตั้ง2วัน) เข้ามาอีกทีรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือจำนวนผู้เข้าชมนี่สิเพิ่มขึ้นเยอาะเลยน่ะ ทีแรกนึกว่าฝันไปแล้วเสียอีก แต่ไม่กล้าตบหน้าตัวเอง (เพื่อพิสุทธิว่าตัวเองไม่ได้ฝันงัย 555++) กลัวเจ็บหน่ะ แต่ก้อต้องชูโกรต้องอัลลอฮฺ(ซ.บ) เป็นอย่างยิ่งที่เป็นผู้ทรงทำหั้ยเว็ปของดิฉันเป็นที่สนใจของครัยต่อครัยหลายคน .....อัลฮัมดูลิลลาฮฺ และขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนน่ะค่ะที่แวะชมเว็ปของดิฉัน....ญะซากิลลาฮฺ หวังเป็นอย่างยิ่งน่ะค่ะว่า ทุกคนจะได้รับรอยยิ้มและสิ่งดีๆจากเว็ปนี้ อินชาอัลลอฮฺ..จะพยายามสร้างเว็ปนี้หั้ยเป็นประโยชน์ต่อประชาชาติอิสลามมากที่สุด เท่าที่จะทำได้................จบ(อ้าว!!จบง่ายๆแบบนี้เลยอ่อ)
55555555555++ วัสลามค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เลือดอิสลามมันแรง!!!!!!


สลามน่ะค่ะ *_*

ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ ดิฉันถึงรู้สึกว่า.."เลือดรักชาติอิสลาม" มันถึงแรงขนาดนี้ ฟังดูเว่อร์น่ะ แต่จริงๆน่ะค่ะ เพราะทุกทีที่ดิฉันได้ฟังข่าวคราวความเสียหายในอิรัก มาชา..อัลลอฮฺ มันทำให้ดิฉันรู้สึกเสียใจ พร้อมกันนั้นดิฉันก้อรู้สึกแค้นไอ้ "จอก บูด"(คงไม่ต้องอธิบายน่ะ ว่าเป็นชื่อใคร) แต่ตรงกันข้ามดิฉันก็รู้สึก อัลฮัมดุลลิลาฮฺ เมื่อดิฉันได้ทราบข่าวคราวการตายของทหารอเมริกัน ที่เข้ามาทำสงครามในอิรัก(ฟังดูโหดอีกแล้วน่ะ) แต่ก็ต้องพูดคำว่า..จริงๆ อีกนั่นแหล่ะ..เพราะทุกครั้งที่ฟังข่าวคราวความเสียหายในอเมริกา มันทำให้ดิฉันรู้สึกสบายใจเป็นปลิดทิ้ง และทุกข่าวคราวที่เป็นความเสียหายในอเมริกา ดิฉันคิดว่ามันเป็นข่าวดีสำหรับดิฉันที่สุด ทุกครั้งที่ดิฉันดูข่าวต่างประเทศ และมีข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศอเมริกา เชื่อมั้ยค่ะ?? ดิฉัน ไม่เปลี่ยนช่องไปไหนเลย ตั้งหน้าตั้งตาดูจนจบข่าวเลย และผลที่ได้ก็คือความสบายใจ เพราะถ้าคุณสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าทุกข่าวที่เกิดขึ้นในอเมริกาส่วนใหญ่ล้วนเป็นข่าวที่สร้างความเสียหายในอเมริกาทั้งสิ้น อาทิ เช่น ข่าวน้ำท่วมฆ่าชีวิตผู้คน ข่าวรถบรรทุกน้ำมันระเบิดสร้างความเสียหายทั่วเมือง และอีกนานานับประการ ซึ่งทั้งหมด ดิฉันถือว่ามันคือ ความหายนะ หรือภาษาบ้านเรา เรียกว่า "บาลอ" นั้นเอง ถ้าเกิดจะหั้ยดิฉันกล่าวว่า "สมน้ำหน้า" มันก็คงฟังดูไม่สุภาพซักเท่าไหร่ใช่มั้ยค่ะ แต่ดิฉันคงไม่กล่าวหรอกค่ะ ได้แต่คิดในใจ (ซึ่งมันดัง...จนได้ยินกันทั่วแล้วมั้ง55555555555++)
ยิ่งดิฉันพูดเรื่องนี้มากซักเท่าไหร่ มันก็เหมือนกระตุ้นให้ดิฉันรู้สึกแค้นขึ้นเท่านั้น...งั้น....เพื่อความสงบแก่มวลมนุษยชาติทั้งหลาย ดิฉันขอหยุดเพียงเท่านี้น่ะค่ะ ยิ่งพูดก็ยิ่งเครียดน่ะ...
ส่งท้าย...ดิฉันไม่รู้หรอกน่ะค่ะว่า จะมีซักกี่คนที่ทีความรู้สึกเช่นนี้ ความรุ้สึกนี้มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นแป๊ป แป็ป แต่ก็เกิดหลายครั้งอยู่เหมือนกัน แต่ก็อัลฮัมดุลลิลาฮฺ..ที่อัลลอฮฺทรงประทานความรู้สึกเช่นนี้แก่ดิฉัน เพราะอย่างน้อยมันก้อทำให้ดิฉันมีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น......อัลฮัมดูลิลลาฮฺ
และหวังว่า เมื่อทุกคนอ่านจบ คงจะมีซักคนน่ะค่ะที่มีความรู้สึกเช่นที่ดิฉันเป็นอยู่น่ะค่ะ............อินชาอัลลอฮฺ
วัสลามค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ฝึกสมอง^^ประลองปัญญา(มั้ง)

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาอัพบทความซักเท่าไหร่ น่ะค่ะ มัวแต่ยุ่งๆอยู่กับการหาที่เรียน แต่ก้ออัลฮัมดูลิลลาฮฺค่ะ...ในที่สุดอัลลออฮฺก้อได้มอบความสำเร็จในด้านนี้แล้ว พูดง่ายๆ ก้อคือว่า..ดิฉันได้ที่เรียนแล้วค่ะ และคิดว่าสถาบันนี้ เป็นสถาบันที่ดีที่สุด(สำหรับดิฉันค่ะ) งั้นเข้าเรื่องเลยดีกว่าน่ะ รู้สึกว่าจะนอกเรื่องมากไปแล้ว..ฮิ ฮิ
สำหรับวันนี้น่ะค่ะ ดิฉันก้อมีแบบทดสอบหั้ยทุกคนลองสร้างรอยหยักในสมองดูเล่นน่ะค่ะ ซึ่งดิฉันบังเอิญไปเจอในบล๊อกของท่านๆ หนึ่ง ซึ่งท่านมีชื่อว่า"อนุสรณ์ วงศ์เสงี่ยม"ซึ่งดิฉันก้อพอๆคุ้นชื่อของเค้าน่ะค่ะ แต่จำไม่ได้ว่า เคยเจอชื่อนี้ที่ไหน แต่นั้นก้อไม่ใช่ประเด็นหรอกน่ะค่ะ เพราะประเด็นหลักคือ บททดสอบที่ดิฉันเอามาฝากค่ะ อ่ะ เริ่มเลยน่ะค่ะ

ง่ายๆ แค่ลองเรียงดูแล้วก้อจะพบคำตอบ ก้อเท่านั้น!!! อ่ะ อ่ะ อย่าเพิ่งเอาคิ้วมาชนกันน่ะค่ะ^^ ยิ้มมมมเข้าไว้ แล้วลองดูน่ะค่ะ

อออ่าง***สระอิ***สอเสือ***ลอลิง***สระอา***มอม้า*** สระไอ***มอม้า***ไม้เอก***สระใอ***ชอช้าง***ไม้เอก***สระเอ***รอเรือ***สระอือ***ไม้เอก***อออ่าง***งองู***ยอยักษ์***สระอา***กอไก่*** ถอถุง***ไม้โท***สระอา***สระเอ***รอเรือ***สระอา***นอหนู***สระอำ***สระเอ***สอเสือ***นอหนู***อออ่าง***สระใอ***หอหีบ***ไม้โท***มอม้า***ไม้หันอากาศ***นอหนู***งองู***ไม้เอก***สระอา***ยอยักษ์***Enter

555555555555++ งงมั้ยค่ะ ก้อลองเรียงดูเล่นๆ น่ะค่ะ ครัยที่ได้คำตอบก้อแสดงความคิดเห็นได้เลยน่ะค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนน่ะค่ะ คราวหน้าดิฉันจะมีอะไรมาฝาก ก้อต้องติดตามชมตอนต่อไป........วัสลามค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ถึงมุสลีม๊ะที่รัก



เธอรู้จักฮิญาบดีพอหรือยัง
ฮิญาบใช่เพียงสิ่งที่ปกปิดส่วนบน
ใช่เพียงสิ่งที่ทำให้ดูต่างจากคนต่างศาสนา
เหลือไว้เพียงแค่ใบหน้าและฝ่ามือ

เป็นเสมือนกำแพงกันจากการเป็นที่รู้จัก
และกั้นจากความรู้สึกส่วนลึกที่มาจากการกระซิบกระซาบของชัยฏอน
เพื่อหั้ยพวกเธอรอดพ้นจากภัยอันตรายรอบด้าน
เพื่อหั้ยพวกเธอรอดพ้นจากการทำร้ายของมนุษย์และชัยฏอน

แต่สิ่งสำคัญที่มุสลีม๊ะทั้งหลาย
จะต้องมีควบคู่กับการคลุมฮิญาบ....สิ่งนั้นคือ หัวใจที่ตักวา

**ป.ล หากคนที่ปิดทั้งศีรษะและร่างกาย แต่หัวใจเค้าเนียตเพื่อกันฝุ่น แล้วมันจะเรียกว่าฮิญาบได้อย่างไร

...ฝากถึงมุสลีม๊ะผู้ศรัทธาทั้งหลาย........................วัสลาม

คู่มือเสริมดวง 55555555555555555++

คำเตือนก่อนอ่าน!!!!..อย่าลืมคำเตือน มิเช่นนั้น อาจส่งผลในแง่ร้ายได้
1.โปรดเชื่อในสิ่งที่เราได้ได้แนะนำให้กับคุณ เพราะมันจะเสริมดวงคุณให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้น
2.ไม่สมควรอ่านทบทวนซ้ำไปซ้ำมา แต่ให้ทำตามคำแนะนำอย่างซ้ำไปซ้ำมา
3.ไม่สมควรสงสัยในใจความของคำแนะนำใดๆ เพราะจะทำให้คุณคิดมากและอาจปวดหัวได้
4.จงปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะส่งผลให้กับตัวคุณเอง
5.หากเป็นไปได้ คุณควรอ่านของวันอื่นๆด้วยน่ะค่ะ แล้วนำไปบอกต่อกันไป
6.หากว่าคุณยังไม่ค้นพบว่าคุณเกิดวันอะไร คุณก็ควรที่จะอ่านตั้งแต่ของวันจันทร์-อาทิตย์ และนำไปปฏิบัติก็จะดีอย่างยิ่ง

อ่านมันซ่ะ !!!! เสริมดวงของคุณ

** เกิดวันจันทร์
...........คุณเป็นคนที่มีความรู้ เป็นคนที่ชอบแสวงหา ไม่ชอบคนโกหกหลอกลวง คุณอยากเป็นคนดีของสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนดีของพ่อหรือแม่ที่ของใครก็ตามที่คุณรัก โดยส่วนตัวแล้วคุณชอบที่จะนอนเวลาง่วง หรือมักหลับไปเวลาหัวถึงหมอน เมื่อเข้าสู่ภาวะคับขันหรือเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คุณควรที่จะตั้งสติให้ดีๆ หรืออ่านดุอาห์ขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยให้คุณคลายความกังวลลงไปได้มากทีเดียว การอ่านกรุอานก้อเป็นอีกทางแก้สำคัญเมื่อเผชิญกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้เป็นอย่างดี.


**เกิดวันอังคาร
.............คุณไม่ได้เป็นคนขี้อาย แต่คุณมักขี้เป็นก้อนเสมอ แต่ในบางเวลาคุณอาจจะขี้เหลวบ้างตามวาระสุขภาพ ความที่คุณเป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น ทำให้มีบุคคลรอบข้างคิดถึงคุณเสมอ หากคุณชอบใคร มันยังเร็วเกินไปหากคุณยังเรียนไม่จบชั้นประถม หรือกากคุณเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว แต่ยังไม่มีความสามารถพอที่จะมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ตามเหตุผลสมควร คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะเพศตรงข้าม รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดการต้องตาต้องใจ ในที่สุดหากคุณมีใจยังไม่แข็งพอ ควรที่จะหัดถือศิลอดบ้างก็จะดีไม่น้อย


**เกิดวันพุธ
...........คุณเป็นคนชอบกิน ซึ่งหากคุณหิวคุณมักจะหาอะไรรองท้องเสมอ เพราะแน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ซึ่งบางครั้งหากคุณกินมาก คุณก็อาจมีสิทธิที่จะมีน้ำหนักขึ้นได้พอๆกับที่กินเข้าไป การที่คุณชอบกิน ทำให้คุณมักจะสรรหาอาหารที่อร่อยเสมอ เรียกว่าอาหานที่ไม่อร่อยคุณก็ไม่อยากกิน ถ้าเกดไม่หิวจริงๆขึ้นมา ในบางเวลาอาหารที่ถูกปากคุณเอง ก็สามารถทำให้คุณแสบมากได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่ว่าสบายปากแต่ไม่สบาย..............
หากคุณต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดี สมควรอย่ายิ่งที่จะออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย การที่คุณจะนั่งกินนอนกินเฉยๆนั้น ไม่สามารถทำให้คุณมีสุขภาพกายที่แข็งแรงได้ แต่การที่จะมีสุขภาพกายที่ดีนั้น ไม่สามารถทำให้คุณมีสุขภาพกายที่แข็งแรงได้ แต่การที่จะมีสุขภาพกายที่ดีนั้น ก็จำต้องมีสุขภาพจิตที่ดีเสียก่อน ดังนั้นคุณควรหมั่นทำอิบาดะฮฺ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย ซึ่งจะทำให้คุณมีสุขภาพกายและสุขภาพกายและจิตที่สมบูรณ์


**เกิดวันพฤหัสบดี
.............คุณเป็นที่รักพ่อและแม่มาก ในบางครั้งพ่อและแม่สอน คุณก็จะเชื่อและทำตาม แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูของตัวคุณเอง คุณจึงเป็นลูกที่ดี ด้วยเหตุนี้คุณจึงเป็นที่รักของพ่อและแม่มาก อีกทั้งปกติคุณจะพยายามทำตัวไม่ให้พ่อและแม่ดุเสมอ เวลาที่คุณรุ้สึกไม่พอใจอะไร คุณจะเริ่มมีอารมณ์ หรืออาจจะถึงขั้นโมโห วิธีการดับความโกรธที่ดีของคุณคือการยืนขึ้น แต่หากว่าคุณยังไม่หายโกรธอีกก็ให้คุณนั่งลง แต่หากยังไม่หายโกรธอีก ก็ให้คุณนอนลงไป แต่หากยังไม่หายก็สมควรลุกไปอาบน้ำละหมาดซ่ะ ซึ่งมันจะทำให้ความโกรธของคุณยุติลงได้ในที่สุด.


**เกิดวันศุกร์
.............คุณเป็นคนเกิดวันศุกร์ หากคุณเป็นพี่คนโตในครอบครัว คุณก็ไม่มีพี่ชายหรือน้องสาวแท้ๆ จากพ่อและแม่เดียวกัน แต่หากคุณใช่ลูกคนเดียว คุณก็จะไม่มีทั้งพี่และน้องจากพ่อและแม่เดียวกันด้วย ซึ่งถ้าคุณมีพี่น้องแท้ๆ แสดงว่าคุณไม่ใช่ลูกคนเดียวของพ่อแม่คุณ ให้สบายใจได้เลยว่า คุณมีคนให้คุยด้วยแล้ว ด้วยการที่คุณมีพี่น้องคุณเลยรู้จักที่จะให้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันเป็นธรรมดาของสัตว์โลก คุณเป็นคนที่มีความคิดความอ่านเป้นของตัวเอง การที่คิดเรื่องที่ดีนั้น มันก็จะก่อเกิดสิ่งที่ดีมากขึ้นอีก แต่หากคุณยังคิดไม่ดี ก็จงทำซ่ะ ซึ่งหากเราคิดดีก็ได้ผลบุญ แต่คิดไม่ดีแล้ว ไม่ทำก็ไม่บาป เพราะพระองค์ทรงเมตตาเสมอ


**เกิดวันเสาร์
..........คุณเป็นคนฟังคนอื่นได้ แต่จะทำหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเป็นสำคัญ การทำงานของคุณมักจะมีเป้าหมายเสมอ หากคุณเรียนอยู่ คุณก็อยากจะเรียนให้จบ หากคุณเป็นคนที่มีความขยัน ผลสำเร็จจะรออยู่ภายภาคหน้าเสมอ คุณชอบที่จะคิดเรื่องต่างๆนานา บางครั้งก็คิดมากกับเรื่องเล็กๆ บางครั้งก็คิกมากกับเรื่องใหญ่ แต่บางครั้งก็ไม่ได้คิดอะไรเลยก็มี หากคุณประสงค์ที่จะทำสิ่งใดก็ตาม คุณมักจะเจออุปสรรคอยู่เสมอ ทางแก้ที่ดีทางนึงคือ คุณจะต้องรู้ว่า ในความยากมักจะเจอความง่ายเสมอ หากคุณมีความพยายาม พระเจ้าจะประทานความสำเร็จมายังคุณแน่นอน จงจำเอาไว้ว่า ความพยายามอยู่ที่เรา แต่ความสำเร็จอยู่ที่อัลลอฮฺ


**เกิดวันอาทิตย์
..........คุณเป็นคนที่ชอบจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่ไม่ดี เพราะมนุษย์ก้อมีทั้งที่ดีและไม่ดี คุณจึงอยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งหากคุณมีคนคอยชี้นำก้อสามารถทำให้คุณปรับปรุงตัวได้มาก และอีกทาง เมื่อตัวคุณเองก้อดีอยู่แล้ว คุณก้ออยากจะรักษาความดีนั้นไว้อยู่ตลอด
........การคงไว้ซึ่งความดี แม้จะทำได้ยากลำบากและมีอุปสรรค แต่ด้วยความที่คุณเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นคุณก้อจะผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะมันก้อเปรียบเสมือนบททดสอบของตัวคุณเอง จากพระเจ้า ซึ่งจะมีบททดสอบมาให้คุณเสมอ ซึ่งหากคุณผ่านพ้นมันไปได้ เกรดที่ออกมานั้นจะมีค่ามากกว่าเกรด 4 ของ โรงเรียนดังๆ ที่คุณได้รับจากโลกนี้เสียอีก

การกล่าวสลาม


.........มุสลิมผู้ศรัธทาจะทักทายกันโดยการกล่าวสลาม แต่ปัจจุบันเราจะพบเจอมุสลิมที่กล่าวสลามทักทายกันน้อยเหลือเกิน บางคนเดินก้มหน้าก้มตามองดิน(คงจะหาเหรียญบาทละมั้ง) บางคนกลัวที่จะให้สลามกันก็มี ก็อันเนื่องมาจากว่า ทุกคนไม่ได้ทำให้การให้สลามเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตน่ะสิ
...........และอีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ นั้นก็คือ วิธีการกล่าวสลาม เด็กให้สลามผู้ใหญ่ คนเดินให้สลามคนนั่ง คนน้อยให้สลามคนมาก คนมาทีหลังให้สลามคนที่อยู่ก่อน คนที่อยู่บนยานพาหนะให้สลามคนเดินเท้า นี่คือสิ่งพื้นฐานที่ครัยหลายคนอาจจะเคยรู้แล้ว ส่วนทางด้านปฏิบัติไม่ทราบเหมือนกันน่ะค่ะว่าจะทำได้ดีแค่ไหนกันเชียว? แล้วคุณล่ะ เคยสังเกตพฤติกรรมการกล่าวสลามของคุณมั้ย? ถ้ายัง...เรามีเพื่อนร่วมสังเกตการณ์มาสะกิดใจให้คุณรู้ค่ะ การกล่าวสลามคือการกล่าวว่า “อัสลามมูอาลัยกุม หรืออัสลามมูอาลัยกุมวะเราะมะตุ้ลลอฮฺ หรืออัสลามมูอาลัยกุมวะเราะมะตุ้ลลอฮิวะบาร่อกาตุฮฺ เอ๊ะ! แล้วข้อผิดพลาดมันอยู่ตรงไหนกันน่ะ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ จากอัสสลาม กลายเป็น อัสซาม ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยน่ะ เพราะสองคำนี้มีความหมายต่างกันค่ะ อัสลาม หมายถึงความสันติ ส่วนอัสซาม หมายถึงความหายนะหรือความตายค่ะ ในสมัยของท่านนบีได้มีพวกญะฮูด (พวกที่ถูกสาปแช่ง กล่าวร้ายและหมิ่นประมาท เช่นคำกล่าวของพวกเขาที่ว่า “อัสซามมูอะลัยกะยามุฮัมฮัมหมัด” หมายถึง ความตายจงมีแด่ท่าน ทราบอย่างนี้แล้วกล่าวสลามครั้งต่อไปก็ใช้ชัดถ้อยชัดคำหน่อยน่ะค่ะ ไม่ต้องรวดเร็ว จนทำให้ออกเสียงเราผิดความหมายเปลี่ยนอีกต่างหาก ซึ่งมันอันตรายอย่างยิ่งเลยน่ะค่ะ

…..วัสลามมูอาลัยกุมวารอฮฺมาต้ลลอฮิวาบาร่อกาตุฮฺ...............

ทั้งๆที่……


ทั้งๆที่ต้องใช้สายตาเหมือนกัน.........
แต่โทรทัศน์ก็เป็นที่ๆเราพร้อมจะเสียเวลาเพ่งมอง
มากกว่าตำแหน่งสุญูดในการละหมาด

ทั้งๆที่ต้องใช้สมาธิอ่านเหมือนกัน..........
แต่หนังสือนิยายก็เป็นที่ดึงดูดใจเรา
มากกว่าอัลกรุอาน

ทั้งๆที่ต้องเสียเวลาขยับปากเหมือนกัน....
แต่การพูดคุยกับมนุษย์ผ่านโทรศัพท์ก็เป็นที่คุ้นเคยของเรา
มากกว่าการพูดคุยกับอัลลอฮฺผ่านดุอาห์

ทั้งๆที่ต้องใช้โสตประสาทการได้ยินเหมือนกัน
แต่เสียงเพลงก็ยังเป็นที่พอใจของเรา
มากกว่าเสียงอัลกรุอาน

ทั้งๆที่ต้องลุกขึ้นยามดึกเหมือนกัน
แต่ฟุตบอลก็เป็นที่ชื่นชอบของเรา
มากกว่าการตื่นละหมาดตะฮฺญุด

ทั้งๆที่ต้องใช้การเกาะติดข้อมูลเหมือนกัน
แต่ข่าวคราวของดารานักร้องเกาหลีก็เป็นที่สนอกสนใจของเรา
มากกว่าข่าวคราวของพี่น้องมุสลิมในอิรัก


ทั้งๆที่เราต้องใช้หัวใจเพื่อรำลึกถึงเหมือนกัน
แต่เรากลับมีความสุขเมื่อได้รำลึกถึงผู้ที่ถูกสร้าง
มากกว่าผู้สร้าง

ทั้งๆที่เราต่างรู้ว่าเวลาในโลกนี้นั้นมีจำกัด
แต่ก็ยังใช้มันไปอย่างขาดทุนอยุ่ดี

ทั้งๆที่เราต่างรู้ว่าวันหนึ่งเราจะต้องตาย
แต่เราก็ยังไม่เตรียมตัวเพื่อพบกับมันจริงๆจังๆสักที

แท้ที่จริงแล้วการงานที่ทำให้เราใกล้ชิดกับอัลลอฮฺนั้นไม่ได้ยากเกินไปเลย ความรู้สึกของเราถูกปรุงแต่งโดยสังคมต่างหากทำให้มันดูยากเกินไป

วันนี้ของหนุ่มสาวแห่งอิสลาม

มุสลิมทุกคนไม่อาจจะปฎิเสธในประโยคนี้น่ะค่ะ สำหรับประโยคที่ว่า"อิสลามเข้มแข็งและยิ่งใหญ่" แต่วันนี้ไม่เหมือนดังเช่นวันวานค่ะ กล่าวคือ...ครัยหลายคนกล่าวว่าเราถูกทำลายด้วยศัตรูของอิสลาม แต่หารู้ไม่ว่าจิตใจเราอ่อนแอ จึงร่วมทำลายตัวเราเอง
ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวใช้ชีวิตในลักษณะของปัจเจกชนใช้ชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาความสุขให้กับตนเองขาดอุดมการณ์และเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ไม่เห็นคุณค่าการเสียสละหรือใช้ชีวิตเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น สังคมมุสลิมกำลังบาดเจ็บและกำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร้ว สิ่งที่ต้องการคือการเยียวจากกลุ่มคนในสังคมอย่างเร่งด่วนและพลังที่ได้รับจากหนุ่มวัยรุ่นสาวจะเป็นพลังมาหาศาล ประดุจคลื่นลูกใหม่ที่ซัดซาดปัญหา และจรรโลงสังคมมุสลิมให้ไปในแนวทางที่ดีกว่านี้ได้ สิ่งที่สังคมมมุษย์ต้องการคือบัณทิต แค่วันนี้เยาวชนมุสลิมคิดอะไร เยาวชนมุสลิมเคยคิดใหมว่าเราเกิดมาทำไม เกิดเพื่อใคร แล้วใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างไร ตายแล้วไปใหน ใครรับผิดชอบ ตอบได้ใหมหละ ที่น่าน่ากลัวที่สุดคือคำตอบว่า "ไม่รู้" ซึ่งไม่ควรเป็นคำตอบของเรา ผู้ซึ่งเป็นเยาวชนมุสลิมที่มีทางนำชัดเจน คือ " อัลกุรอ่าน และ แบบอย่างที่ดีของท่านบีมุฮัมมัด
เยาวชนมุสลิมที่รัก การที่มุสลิมตกต่ำอยู่ทุกวันนี้เพราะเยาวชนมุสลิมในปัจจุบันยังคงเดินตามแบบอย่างของประชาชาติอื่นที่คอยจ้องทำลายเราวางกับดักให้เรา ให้เราไปติดแล้วก็ทิ้งอุดมการณ์ แนวทาง ทัศนคติ แบบอย่างตัวเองเสียหมด แล้วหันไปตามวิถีชีวิตที่พวกอุปโลกน์ว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วโลกนับว่าเป็นสากลที่ประชาคมโลกต้องปฏิบัติตามและสุดท้ายจิตวิญญานและร่างกายจึงยอมศิโรราบให้แก่ อุดมการณ์และแนวทางที่อุปโลกน์นี้อย่างหูหนวก ตาบอด เยาวชมมุสลิมที่รัก เป็นเช่นนี้หรือไม่ คิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เยาวชนมุสลิมที่รัก อย่าลืมว่าเราถูกส้รางมาเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศให้ประชาชาติอื่นๆๆ ได้เห็นคุณลักษณะที่ดีงาม และปฏิบัติตามเราแต่ขณะนี้กลับตรงกันข้ามไปเสียแล้วหรือ แต่จำได้ว่าไม่มีคำว่าสายไปสำหรับการฟื้นฟู ตราบใดยังมีการ
"ศรัทธา" แม้มันจะเลือกที่อันน้อยนิดในจิตใจ เราต้องเรียกความเข้มแข็งของเรากลับคืนมาให้ได้ ซึ่งอันที่จริงมันไม่ได้หายไปใหน เพียงแค่เราลืมมันไว้ในความทรงจำ
คำพูดของเบาวชนมุสลิมหลายๆๆคน คงบอกว่ามันคงเหนื่ยและยากยิ่งที่จะฟื้นฟูอิสลามให้กลับมาเกรียงไหรเหมือนเดิม ความจริงจุดที่ยากที่สุดคือ
"การที่เราเริ่มอย่างจริงจังนั่นเอง" เราต้องกล้า….กล้าที่จะทำแน่นอนอุปสรรคต้องเกิดขึ้น แต่ทั้วหมดคือบททดสอบของพระเจ้า
เยาวชนมุสลิมที่รักทั้งหลาย วันนี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เยาวชนทั้งหลายจะรวมพลังกันจัดตั้งชมรมต่างๆๆของมุสลิม เช่น สมาคม องค์กรต่างๆๆให้สอดคล้อง ตามหลัก กุรอ่านและซุนนะฮฺ เป้าหมายของอิสลามเราไม่ได้ต้องการให้นักศึกษาต้องลาออกจาก มหาวิทยาลัย แต่ต้องการให้เรียนรู้อย่างเท่าทันกันและชี้ให้เห็นอัตรายพร้อมทั้งหาทางแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่สวนทางให้อยู่ในแนวทางของอิสลาม ไม่ว่าวันนี้ เยาวชนทั้งหลายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในฐานะที่วันนี้เราคือผู้แสวงหาวิชาความรู้ จงใช้เวลาอันมีค่าน้อยนิดอย่างเต็มที่ พิจรณาถึงชีวิตที่ผ่านมาของท่าน และจำเป็นเตรียมตัวเองสำหรับเรื่อง…..อนาคต
เยาวชนที่รักยิ่งทั้งหลาย จะมีประโยชน์อะไรถ้าความรู้ที่เราศึกษาเล่าเรียนมาตลอดชีวิต ไม่ได้ทำให้หัวใจของเราได้รู้จักและประกาศความย่งใหญ่ของอัลลอฮฺ จะมีประโยชน์อะไรถ้เรายังอ่อนแอเกินกว่าจะควบคุมอารมณ์ใฝ่ต่ำของเรากับเรื่องที่"ไร้สาระ"
ความสำเร็จอาจไม่ได้เกิดขึ้นในวันพรุ้งนี้และพระองค์นั้นมิได้พิจารณาเฉพราะที่ความสำเร็จ หากแต่พิจารณาจากความพยายามและความเข้มแข็งของเราต่อพระองค์และพวกของเราทุกคนจะต้องตั้งความหวังเอาไว้ว่า
"เรานี่แหละคือ ความหวังของมนุษย์ชาติ"

แด่วัยรุ่นด้วยดวงใจ

เยาวชนคนหนุ่มสาวกับความฉลาดหลักแหลมและรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม การโฆษณาชวนเชื่อ และแผนการอันชั่วร้ายของอเมริกา

ท่านทั้งหลายจงอย่าได้ประหวั่นครั่นคร้ามและเกรงกลัวต่ออำนาจอันชั่วร้ายของอเมริกา แต่จงหวาดหวั่นต่อแผนการอันชั่วร้ายของมันเถิด และจงช่วยกันทำลายล้างแผนการร้ายของมันให้พังพินาศเถิด มาตรว่าแผนการร้ายเหล่านั้นพยายามที่จะเข้ามาสิงสถิตอยู่ในใจกลางมหาวิทยาลัยของพวกท่านเพื่อต้องการที่จะทำลายคุณค่าและจิตวิญญาณของพวกท่าน เป็นภาระหน้าที่โดยตรงของพวกท่านผู้เป็นคนหนุ่มคนสาวที่จะต้องช่วยกันปกป้องและกำจัดให้หมดสิ้นไป

เยาวชนคนหนุ่มสาวของเราพึงตระหนักและระลึกอยู่เสมอด้วยการไม่คล้อยตามและหลงใหลไปกับคารมอันปลิ้นปล้อนของชนบางกลุ่ม ยาพิษที่ถือเป็นอาวุธมหาประลัยที่พวกเขาจะใช้ทำลายล้างก็คือ การทำให้คนหนุ่มสาวของเราสิ้นหวังจากการปฏิวัติ

เยาวชนคนหนุ่มสาวของเราพึงตระหนักเถิดว่า ทุก ๆ กระบวนท่าแห่งการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำลายภาพลักษณ์อิสลาม แสดงถึงการโฆษณาชวนเชื่อที่มาจากเบื้องบนผู้เป็นนักปอกลอกและปล้นสะดมโดยอาศัยบริวารหรือผ่านน้ำมือของสมุนรับใช้ของพวกมัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำลายล้างอิสลามให้สิ้นซากนั่นเอง

หนึ่งวัน ... ของหนุ่มสาว


วันนี้ คิดถึง รู้บ้างไหม.....ทำอะไร ทำไม ไม่ติดต่อ
ตื่นตอนไหน ไม่โทรบอก คนเฝ้ารอ....จ้องแต่จอ โทรศัพท์ นับเวลา
กินข้าวยัง หรือไป ไหนมาบ้าง......สารพัดอย่าง สรรหา มาไต่ถาม
ไร้สาระ พูดคุย ไม่นับความ….หลงตาม ชัยฏอน ทุกวันวาน
หนุ่มถาม สาวตอบ มิเชือนช้า.....ไม่สน นาฬิกา ที่วนผ่าน
ลืมหน้าที่ ลืมเวลา ลืมวันวาน......ลืมกรุอาน ทางนำ สอนอย่างไร
ลืมไปว่า หนุ่มสาว ต้องขับเคลื่อน.....ลืมฟังคำ ตักเตือน ใจมืดไหม้
ลืมนึก ว่าตัวเอง นั้นเป็นใคร.......มีหน้าที่ อย่างไร ต่ออิสลาม
ลืมแล้วว่า วันนี้ ทำสิ่งใด......ต้องนำไป ตอบคำถาม ในวันหน้า
ลืมว่าขาด ทุนกับ กาลเวลา……เพราะดวงตา และหัวใจ เมินทางนำ
เพราะหลงสิ่ง ผู้ปฏิเสธ หยิบยื่นให้..หลงคิดไป ว่าอินเทรนด์ นำแฟชั่น
หลงว่าที่ คนหมู่มาก กระทำกัน……คือสิ่งนั้น ไม่อนุมัติ ในอิสลาม
เอาอย่างอื่น มาชี้ถูก กับศาสนา…....เพียงเพราะว่า ตอบเอง มิไต่ถาม
แค่คุยเอ็ม มิเห็นหน้า แค่ข้อความ……แค่ไต่ถาม ผ่านมือถือ แค่นั้นเอง
แค่ซ้อนท้าย เพราะต้องไป ทางเดียวกัน..ประหยัดน้ำ มันตามรัฐ แนะนำไว้
แค่ไปส่ง เพราะผู้หญิง มิปลอดภัย....แค่ติวให้ เพราะเราเรียน รู้ร่วมกัน
คงลืมไป ว่าแค่นั้น ที่บอกไว้……..คือเข้าใกล้ ซินา ผิดมหันต์
คงลืมว่า อิสลาม คือป้องกัน.........มิใช่การ แก้ไข เมื่อสายเกิน
ทบทวน ทบทวน ตัวเองใหม่.........แล้วตั้งใจ หยุดมันเถิด หนุ่มสาวเอ๋ย
อย่าหลงตาม ชัยฏอน ชี้นำเลย……….อย่านิ่งเฉย กับการทำ ตามนัฟซู
การอภัย พระผู้สร้าง ให้เสมอ……แค่เพียงเธอ บอกพระองค์ ผู้ทรงรู้
แล้วหยุดสิ่ง ที่เคยทำ ตามนัฟซู……..เร่งเชิดชู ทางนำ ของอิสลาม
อย่าลืมว่า พวกเธอ คือความหวัง…….คือพลัง อันยิ่งใหญ่ ของศาสนา
คือต้นกล้า ที่เข้มแข็ง แห่งศรัทธา……..คือหน้าตา ของอัล- อิสลาม

รักแท้…….

ภาพความรักของพระเอกนางเอกในละครตอนจบ ดูช่างสวยงามเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน คงมีคนจำนวนน้อยนัก ที่ไม่คาดหวังชีวิตรักที่ประสบความสำเร็จ ภาพที่เรามักพบเห็นในสังคมคือ ชายหญิงเดินเกาะเกี่ยวกันเป็นคู่ แตะเนื้อต้องตัวกันเป็นเรื่องธรรมดา กอดซบกันไม่ใช่เรื่องแปลก ..นี่คือสิ่งที่สะท้อนความเสื่อมถอยของสังคม แม้แต่ “มุสลิม” ที่ได้ชื่อว่าผู้น้อมรับยอมจำนนต่อคำบัญชาของอัลลอฮฺโดยสิ้นเชิง ก็ยังปล่อยให้ค่านิยมในสังคมที่เสื่อมถอยเข้าแทรกแซงการยึดมั่นปฏิบัติตามหลักการ … หนุ่มสาวจำนวนมากคบหากันอย่างเลยเถิดก่อนนิกะฮฺ เอาระบบแฟนมาใช้โดยไม่ใยดีความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานที่อิสลามรักษา … การคุยโทรศัพท์ระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สร้างความจำเป็นขึ้นมาอ้างได้เสมอ ทั้งที่อิสลามมีกรอบ ขอบเขตวางไว้ชัดเจน … รูปแบบการทำงานอิสลามไม่แบ่งแยกชายหญิง อ้างว่ากลัวทำให้เครียด ทั้งที่สิ่งนี้คือหลักการของอัลลอฮฺ ฯลฯ “ความรัก” มักถูกแสดงออกด้วยการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ต่อคนรัก มีความสุขเมื่อเขาทำดีและเมื่อมีสิ่งดีประสบกับเขา มีความทุกข์เมื่อเขาทำผิดและเมื่อมีสิ่งเลวร้ายประสบกับเขา ช่วยเหลือและสนับสนุนกันและกันในเรื่องของความดี ตักเตือนห้ามปรามกันและกันในเรื่องของความชั่ว … เช่นนี้ความรักย่อมเป็นสิ่งดียิ่ง แต่หากสิ่งเหล่านี้ ถูกแสดงออกกับคนที่ไม่หะลาล เวลาที่ไม่หะลาล และรูปแบบที่ไม่หะลาลแล้ว … ยังจะเรียกว่า “ความรัก” อีกหรือ? แน่นอนว่าการแสดงความห่วงหาอาทรระหว่างชายหญิงที่ไม่ใช่มะหฺรอมกันนั้น ไม่ใช่ความรัก ไม่ว่าความห่วงใยกันนั้นจะแสดงออกมาในรูปแบบที่คิดว่าดี เช่น โทรปลุกละหมาดตะฮัจญุด คุยกัน (เป็นว่าเล่น)เพื่อตักเตือนกันเรื่องศาสนา ถามไถ่เรื่องส่วนตัวทั้งที่ไม่ใช่ธุระ ฯลฯ โดยคิดว่าถ้าเป็นเรื่องศาสนาแล้วล่ะก็ … ดี ทำได้! … ทั้งที่เมื่อตัดข้ออ้างเรื่องศาสนาออกไป ก็จะพบว่าไม่ต่างอะไรกับระบบแฟนของคนกาเฟร เรามักจะเอาแต่วาดฝันภาพสวยงาม อยากได้สิ่งนั้น อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ค่อยย้อนกลับมามองดูตัวเองว่าสมควรแค่ไหนที่จะได้รับสิ่งเหล่านั้น? … เราปรารถนาความรักที่สวยงาม แต่กำลังใช้จ่ายความรักไปอย่างเลอะเทอะ ไม่ได้ทะนุถนอมไว้เพื่อแสดงออกในเวลาและต่อบุคคลที่เหมาะสม … เราปรารถนาคู่ครองที่ดี แต่ไม่ได้ทำอะไรแม้เพียงวิงวอนดุอาอฺอย่างจริงใจต่ออัลลอฮฺ … เช่นนี้แล้ว ความรักของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

เคล็ด(ไม่)ลับในการเรียนของมุสลิมให้ประสบความสำเร็จ

10 ขั้นตอน สำหรับความสำเร็จในการเรียนของมุสลิม

1. ให้สร้างความตั้งใจ ว่า ทุกสิ่งที่เราจะทำในชีวิตของเรา (เรียน) นั้นเป็นการทำเพื่ออัลลอฮฺ (ซ.บ) เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ เพื่อสวรรค์ที่จะได้รับ (ด้วยความบริสุทธิ์ใจ) ถ้าพระองค์ไม่ให้เรา เราก็คงไม่ได้รับสิ่งดีงามต่างๆ ความสำเร็จอยู่อัลลอฮฺจริงมั้ยคะ? ที่สำคัญหน้าที่ของมุสลิม คือ การเผยแพร่สัจธรรมของพระองค์ อย่าลืมหาทางเผยแพร่ศาสนาให้กับเพื่อน อาจจะตอบปัญหาอิสลามที่เพื่อนสงสัย เช่น ทำไมอิสลามจึงห้ามกินหมู เป็นต้น

2. หลังจากผ่านข้อ 1 เราจะรู้สึกว่า เมื่อเราทำเพื่ออัลลอฮฺและแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ เราจึงต้องรำลึกถึงความตั้งใจของเราว่าเราทำเพื่อใคร เราจะต้องทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด การเรียนของเราก็จะไม่ได้ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปแล้วละ เพราะเราเรียนเพื่ออัลลอฮฺ (โห กำลังใจมีขึ้นเป็นกอง ผลตอบแทนไม่ได้แค่โลกนี้อย่างเดียว ได้กำไรคูณสองถึงโลกหน้าเลย) นั่นละเป็นกฎเหล็กของเราเลยที่จะคอยเตือนตัวเองเวลาอยากโดดเรียนหรือขี้เกียจอ่านหนังสือ

3. เริ่มจัดตารางและแบ่งเวลาสำหรับการอ่านหนังสือ ทบทวนวิชาที่เรียน และแบ่งเวลาออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายนั้น ทางการแพทย์กล่าวว่า จะมีสารตัวหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น จะได้มีกำลังอ่านหนังสือได้เยอะๆ และจะได้มีสุขภาพที่ดีในการทำอามาลอิบาดะฮฺ (ความดี) เพื่ออัลลอฮฺได้มากๆด้วยไง

4.สำหรับเวลาในการอ่านหนังสือ ต้องจัดแบ่งให้ดี อย่าดึกจนเกินไป เดี๋ยวไม่ตื่นละหมาดซุบฮิ ขอแนะนำว่าไม่ควรอ่านเกิน22.00 เพื่อที่เราจะได้ตื่นมาละหมาดกิยามุลลัยนฺ(ละหมาดกลางคืนก่อนเวลาละหมาดซุบฮิ) เพื่อขอบคุณที่พระองค์เมตตาต่อเราให้เราได้รับสิ่งที่ดีงามพร้อมกับวิงวอนขอในสิ่งที่อยากได้ เช่น ขอให้ได้ เกรด 4.00 ขอให้ได้คู่ครองที่ดี ขอให้ได้เข้าสวรรค์ ฯลฯ และถ้ามีเวลาว่างหลังจากละหมาดซุบฮิแล้วจะดีมาก เพราะช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงที่อัลลอฮฺเปิดสมองและยังเป็นการทำตามซุนนะท่านนบีที่ไม่ได้นอนต่อหลังจากซุบฮิ ท่านจะนอนหลังจากละหมาดดุฮฺริ

5. และอย่าลืมแบ่งเวลาสำหรับการศึกษาอัล กุรอาน เพราะกุรอานนั่นแหละ คือ แนวทางสำหรับการดำรงชีวิตของเราและศาสตร์สาขาต่างๆนั้นมีมากมายในกุรอาน ใครที่เข้าใจจดจำกุรอานและปฏิบัติตามกุรอานได้ วิชาไหนๆก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเขาแล้ว จริงมั้ยคะ

6. เวลาเรียนในห้องเรียน ให้ตั้งใจ ฟัง จด และเข้าใจ และถ้ามีเวลาว่างหลังจากหมดวิชานั้นก็ทบทวน จะได้ไม่ลืม

7. การเรียนในวิชาใดที่ขัดต่ออิสลาม ให้จดจำไว้ และพยายามคิดอยู่เสมอว่าเราจะนำอิสลามเข้าไปฟื้นฟูได้ในทางใดบ้าง และอย่าปฏิบัติตามสิ่งที่เรียนแล้วขัดต่ออิสลาม

8. ถ้าอาจารย์ให้ออกมาทำในสิ่งที่ขัดต่ออิสลาม เช่น ให้ออกมาร้องเพลงหน้าห้อง หรือ ออกมารายงานทำงานกับเพื่อนแล้วอาจจะมีการถูกเนื้อตัว จงอธิบายให้อาจารย์เข้าใจว่าเราไม่สามารถทำได้เนื่องจากหลักการอิสลามกำหนดห้ามไว้ และรำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลาว่าพระองค์ทรงมองดูเราอยู่

9. จงยืนหยัด ไม่ว่าเราจะเป็น มุสลิมเพียงคนเดียวหรือสองคนในคณะหรือมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน เราจะมีความสุขหากเรารำลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ ว่าเราได้ทำหน้าที่ที่อัลลอฮฺกำหนดให้ นั่นก็คือ เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ลองทำดู แล้วเราจะได้สัมผัสถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺอย่างมากมายเลยละ

10. หลังจากทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว จงตะวักกัล (มอบหมาย) เพระเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺแล้วละว่าพระองค์จะทรงประทานให้เราในสิ่งใด แน่นอน พระองค์ทรงเป็นผู้ยุติธรรม และก็อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของพระองค์ หากไม่ได้ในโลกนี้พระองค์ก็จะเพิ่มพูนให้ในโลกหน้า และพระองค์จะประทานสิ่งที่ดีที่สุดให้กับมุสลิมผู้ศรัทธาทุกคน

เป็นงัยค่ะ 10 ขั้นตอนง่ายๆของผู้ศรัทธา สามารถใช้ได้กับการทำงานทุกๆการงานได้ หากทำข้อ 1 ผ่าน เราก็สามารถที่จะทำทุกอย่างได้โดยง่ายเลยละคะ……….. อินชาอัลลอฮฺ

ใยเล่ามุสลิมะฮฺ???

มุสลิมะฮฺ ใยเล่าเจ้า ในวันนี้
มิหวงแหน สิ่งที่มี ค่านักหนา
เรือนร่างเจ้า ไหนเล่า จะหน้าตา
อยากจะรู้ เจ้าศรัทธา ในสิ่งใด
><<>><<>><<>><
พระเจ้า เจ้าเกรงกลัว บ้างหรือไม่
อัลกุรอาน เจ้าได้ต้อง บ้างไหมหนอ
สิ่งบัญญัติ เทียบได้หรือ คำยกยอ
ขอเธอจง ไตร่ตรอง ลองคิดดู
><<>><<>><<>>< ><<>
ประการแรก เจ้าเกิดมา เพื่อใครหรือ
ยามวอนขอ เขาคือใคร ผู้ช่วยเหลือ
มิใช่ อัลลอฮฺหรือ ผู้จุนเจือ
ไม่เชื่อ อัลลอฮฺหรือ ผู้สร้างเธอ
><<>><<>><<>>< ><<>>
มีคำตอบ บ้างไหม ในใจเจ้า
สิ่งขัดเกลา หัวใจ หายกระด้าง
มีหรือไม่ ในหัวใจ ยามเดินทาง
พระผู้สร้าง หนึ่งเดียว ที่แท้จริง
><<>><<>><<>>< ><<>
มุสลิมะฮฺ คิดเถิดเจ้า ในวันนี้
หวงสิ่งดี มีค่า สักนิดไหม
ร่างกายเจ้า รูปหน้า และจิตใจ
มีเพื่อใคร ค้นคำตอบ เพื่อตัวเอง

คัดลอกมาจาก HORIZON<

เพราะเธอคือ....นิสิตมุสลิมะฮฺ


มีหลายครั้ง...ที่ภาพของ นิสิตมุสลิมะฮฺ คลุมฮิญาบ สวมเสื้อแขนยาว กระโปรงยาว สวมถุงเท้าและรองเท้า อย่างเรียบร้อย ปรากฏเด่นชัด ในสถานที่ต่างๆของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน ห้องบรรยาย ห้องปฏิบัติการ โรงอาหาร.....ฯลฯ ภาพมุสลิมะฮฺที่อยู่ตามสถานที่เหล่านั้น ไม่เพียงแค่บ่งบอกถึงความเป็น นัจมะฮฺ ฮุสนา ลีนา หรือว่า ตัสนีม เท่านั้น แต่นั่นหมายถึง ภาพลักษณ์ของมุสลิม!!! ที่สายตาทุกคู่มองมา…
เป็นที่ทราบกันดีว่า สังคมในปัจจุบันการันตี ”ความเป็นมุสลิม” ไว้ที่...ผู้ก่อการร้าย ผู้ก่อความไม่สงบ ผู้วางระเบิด ....เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถูกยัดเหยียดให้กับพวกเรา โดยไม่ต้องถามความสมัครใจ
พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รัก....เพียงพลังน้อยๆของเธอคงไม่สามารถเปลี่ยนความเป็นไปบนโลกใบนี้ได้ แต่เธออาจปรับเปลี่ยนความเข้าใจ และทัศนคติของคนรอบข้างให้ รู้จัก”มุสลิม” อย่างถูกต้องกว่านี้ได้ ด้วยคำพูด การกระทำ และทุกอิริยบทที่แสดงออกไป เพราะ “อิสลาม” ได้วางรากฐานการดำเนินชีวิตที่วิเศษสุดๆไว้ กับพวกเราแล้ว เพียงแค่เธอหยิบมาใช้ นำมาปฏิบัติ.... สิ่งดีงามเหล่านั้นจะเป็นที่ประจักษ์กับสายตาคนทั้งหลายเอง
พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รัก.... การวางตัวที่เหมาะสมของเธอ เป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย เพราะเรามี ”จุดยืน” ที่ชัดเจน สิ่งใดเป็นที่อนุมัติ เราก็สามารถร่วมกระทำสิ่งนั้นๆได้ แต่หากสิ่งใดเป็นที่ต้องห้ามแล้ว จงรีบ ปฎิเสธอย่างจริงจัง อย่าเกรงกลัวผู้ใด หากพวกเค้าก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ไม่ใช่ ”ผู้ทรงสร้างพวกเรา” ขึ้นมา
พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รัก.... อย่าให้สังคมจอมปลอม ค่านิยมจอมจุ้น สิ่งยั่วยุจอมเจ้าเล่ห์ มาทำลายหรือกัดกร่อนความเป็นอิสลามในตัวเธอ อย่าหวั่นไหวกับสิ่งไร้สาระที่จะนำพาพวกเธออ่อนแอ จงเข้มแข็งและมั่นคงในเส้นทางที่เธอกำลังเดินอยู่ แม้เส้นทางนั้นจะไม่ได้โรยด้วยกลีบทานตะวันก็ตาม....
พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รัก....ผู้หญิงสวยและน่ารักมีเยอะแล้ว... แต่ผู้หญิงที่มีค่า และควรค่าแก่การให้เกียรตินี่ซิ!! ที่อิสลามต้องการ จงรักษาความสวยในอีม่านของพวกเธอ ความสดใสในการทำอิบาดะฮฺ และความงดงามในการศึกษาและเผยแผ่สัจธรรม เพื่อเป็นเครื่องเสบียงที่มีค่า มากกว่าเครื่องสำอาง ซึ่งจะอยู่คู่กับตัวเธอตลอดไป.... พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รัก.... จงอย่าประมาทในการมีชีวิต เพราะทุกลมหายใจของเรามีค่า เกินกว่าที่จะหายใจเข้า-ออกไปวันๆ อย่าลืมนะว่า....เราเป็นใคร ? และกำลังทำอะไรอยู่ ? และเราทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อใคร ???